อาเซียนจี้ญี่ปุ่น-จีนแก้พิพาทอย่างสันติ

     ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดร่วมกับผู้นำอาเซียนฉลอง 40 ปีสัมพันธ์การทูต คาด "อาเบะ" หวังระดมเสียงสนับสนุนต้านทานจีน ได้ฟิลิปปินส์เป็นแนวร่วมยืนยันเสรีภาพการบิน ขณะประธานาธิบดีอินโดนีเซียย้ำสัมพันธภาพระหว่างจีน-ญี่ปุ่นสำคัญต่ออนาคตของภูมิภาค

     การประชุมนาน 3 วันซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลับมาตึงเครียดอีกครั้งภายหลังรัฐบาลจีนจัดตั้งเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (เอดีไอแซด) ขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย ขณะที่หลายชาติอาเซียนซึ่งมีข้อพิพาทแย่งชิงดินแดนทางทะเลกับจีนเช่นกัน ก็หวั่นเกรงว่าจีนจะขยายเขตนี้ลงมาถึงทะเลจีนใต้ และทำให้ฟิลิปปินส์ประกาศว่าตนอาจจัดตั้งเขตป้องกันภัยแบบเดียวกัน

     "เราขอเน้นย้ำการยึดมั่นหลักกฎหมาย, ส่งเสริมการแก้ข้อพิพาทอย่างสันติ และรับประกันเสรีภาพการบินในน่านฟ้าสากล" ประธานาธิบดีเบนิกโน อากีโน ของฟิลิปปินส์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกฯ ชินโซะ อาเบะ ภายหลังการหารือเมื่อวันศุกร์ โดยเขาไม่ได้เอ่ยถึงจีนโดยตรง

     ด้านประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ของอินโดนีเซีย ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงโตเกียววันศุกร์ ย้ำว่าความไม่ลงรอยกันระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เกี่ยวพันถึงประเทศอื่นในทวีปเอเชียด้วยเช่นกัน

     "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องกล่าวว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างจีนและญี่ปุ่นมีความสำคัญต่ออนาคตของภูมิภาคเรา" ยูโดโยโนกล่าวก่อนการประชุม "เมื่อการเจรจาข้ามพรมแดนยังเปิดอยู่ การมีช่องทางสื่อสารเปิดไว้คือหัวใจสำคัญในการหลีกเลี่ยงการคิดคำนวณผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นทั้งภายในและโดยรอบพื้นที่พิพาทได้"

     คาดกันว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างอาเซียน 10 ชาติกับญี่ปุ่นน่าจะกล่าวถึงการสนับสนุนเสรีภาพทางทะเลและทางอากาศ แต่อาจไม่ระบุถึงจีนโดยตรง เมื่อวันพฤหัสบดี หงเล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เพิ่งออกมาปรามว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องควรทำเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค และในการพัฒนาความสัมพันธ์ก็ไม่ควรพุ่งเป้าหมายมายังประเทศที่สามหรือทำร้ายผลประโยชน์ของประเทศที่สาม

     สื่อของญี่ปุ่นรายงานด้วยว่า การประชุมครั้งนี้ญี่ปุ่นยังจะประกาศความช่วยเหลือด้านเงินกู้และเงินให้เปล่าแก่ชาติอาเซียนในระยะ 5 ปีด้วย โดยสถานีเอ็นเอชเคและหนังสือพิมพ์นิกเกอิระบุตัวเลขว่าอยู่ที่ราว 2 ล้านล้านเยน (2 หมื่นล้านดอลลาร์) พร้อมกับจะขยายกองทุนรวมญี่ปุ่น-อาเซียนอีก 1 หมื่นล้านเยน.

ขอขอบคุณที่มา : ไทยโพสต์ออนไลน์