มาแล้ว!เรือสู้รบชายฝั่งUSประจำการ'สิงคโปร์'
เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เรือรบประเภทใหม่ของสหรัฐฯที่ออกแบบมาเพื่อใช้สู้รบบริเวณพื้นที่ชายฝั่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (18)ได้เดินทางถึงสิงคโปร์แล้วเพื่อเข้าประจำการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการตอกย้ำยุทธศาสตร์ใหม่ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งหันมาเน้นหนักให้ความสำคัญแก่เอเชีย
การเข้าประจำการของเรือรบ ยูเอสเอส ฟรีดอม ลำนี้ บังเกิดขึ้นในเวลาที่ความตึงเครียดกำลังระอุเดือดในคาบสมุทรสมุทรเกาหลี เช่นเดียวกับที่จีนก็กำลังแผ่แสนยานุภาพทางทหารในแถบทะเลจีนใต้ ซึ่งแดนมังกรกำลังช่วงชิงอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนทับซ้อนกับหลายๆ ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พวกเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯแจกแจงว่า เรือรบ ฟรีดอม ซึ่งเป็นเรือประเภทใหม่ที่ได้รับการขนานนามว่า “เรือสู้รบชายฝั่ง” (littoral combat ship ใช้อักษรย่อว่า LCS) ได้แล่นเข้าสู่ฐานทัพนาวีชังงี ของสิงคโปร์ในเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 10.00 น.เวลาเมืองไทย) ทั้งนี้สิงคโปร์มีฐานะเป็นพันธมิตรผู้ใกล้ชิดกันมายาวนานของสหรัฐฯ และได้ช่วยเหลือด้านการส่งกำลังบำรุงและการซ้อมรบให้แก่กองทหารหน่วยต่างๆ ของอเมริกาในภูมิภาคแถบนี้
ฟรีดอม ซึ่งเป็นเรือ LCS ลำแรกของสหรัฐฯ จะเข้าประจำการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงเวลา 8 เดือนข้างหน้านี้ โดยที่จะเข้าร่วมการซ้อมรบทางนาวีครั้งต่างๆ ตลอดจนไปเยือนเมืองท่าของหลายๆ ประเทศ
เอียน สตอรีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในภูมิภาค ให้ความเห็นว่าการส่งฟรีดอมเข้ามาประจำการในเอเชียอาคเนย์ เป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะค้ำประกันให้เกิดเสรีภาพในการเดินเรือในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งเป็นทางผ่านของเส้นทางเดินเรือสายสำคัญที่สุดของโลกหลายเส้นทาง
“การส่งเรือเหล่านี้เข้ามาประจำการ คือส่วนหนึ่งในการ 'ปักหมุด' ของสหรัฐฯ, ในการปรับสมดุลเสียใหม่ให้พ้นออกมาจากอิรักและอัฟกานิสถานมากขึ้น แล้วมุ่งเข้าสู่เอเชียเพิ่มขึ้น” สตอรีย์ นักวิจัยอาวุโสของสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ในสิงคโปร์ ให้ความเห็น
“มันแสดงให้เหล่าพันธมิตรและเพื่อนมิตรของสหรัฐฯเห็นว่า สหรัฐฯมีความมุ่งมั่นที่จะธำรงรักษาการปรากฏตัวด้วยความเข้มแข็งเป็นระยะเวลายาวไกลในภูมิภาคแถบนี้ เพื่อค้ำประกันให้เกิดเสถียรภาพ นอกจากนั้นเมื่อมองในแง่ของกำลังนาวีแล้ว นี่ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯที่จะทำให้เกิดเสรีภาพในการเดินเรืออีกด้วย” เขาระบุ
เมื่อปีที่แล้ว เลียน เพเนตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯในเวลานั้น ได้ประกาศว่า วอชิงตันจะโยกย้ายปรับกำลังรบทางนาวีของตนใหม่ โดยจะนำเอากำลังส่วนใหญ่มาอยู่ในแปซิฟิกภายในปี 2020 ทั้งนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหม่ซึ่งเน้นหนักอยู่ที่เอเชีย
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันนี้เอง จีนก็กำลังก้าวผงาดขึ้นแสดงตนเป็นมหาอำนาจทางทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งยังกำลังเกิดข้อพิพาทช่วงชิงดินแดนในทะเลจีนใต้อยู่กับ 4 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันได้แก่เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, บรูไน โดยที่แดนมังกรอ้างกรรมสิทธิ์เหนืออาณาบริเวณทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด รวมทั้งพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับชาติผู้อ้างสิทธิรายอื่นๆ มากกว่าด้วยซ้ำ
วอชิงตันแม้ไม่ได้อ้างกรรมสิทธิ์ใดๆ ในทะเลจีนใต้ด้วย แต่ประกาศว่าตนเองก็มีผลประโยชน์ในอาณาบริเวณนี้ โดยจะต้องค้ำประกันให้น่านน้ำแถบนี้มีเสรีภาพในการเดินเรือ
“เราวางแผนจะใช้เวลาส่วนใหญ่ของเราอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณนี้จะเป็นย่านเพื่อนบ้านของเรือฟรีดอมในช่วง 8 เดือนข้างหน้านี้” นาวาโท ทิโมธี วิลค์ ผู้บัญชาการเรือรบฟรีดอม กล่าว “เรามีความกระตือรือร้นที่จะออกไป และทำงานร่วมกับกองทัพเรืออื่นๆ ในภูมิภาค และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติอันดีเลิศในด้านต่างๆ ในระหว่างการฝึกซ้อม, การเข้าเยี่ยมท่าเรือต่างๆ, และการปฏิบัติการด้านความมั่นคงทางทะเล”
สิงคโปร์นั้นได้ตกลงที่จะให้เรือรบประเภท LCS ของสหรัฐฯเข้าไปประจำการแบบหมุนเวียนกันโดยจำนวนสูงสุดไม่เกิน 4 ลำ การดำเนินการเช่นนี้ทำให้พูดได้ว่า สิงคโปร์มิได้เป็นฐานทัพถาวรของเรือรบเหล่านี้ และพวกลูกเรือก็จะอยู่นอกสิงคโปร์ในระหว่างที่เรือออกไปเยือนประเทศอื่นๆ
ยวน แกรห์ม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางทะเลแห่ง วิทยาลัย เอส. ราจารัตนัม เพื่อการระหว่างประเทศศึกษา ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ปักกิ่ง “เห็นชัดเจนว่า มีความระแวดระวังเกี่ยวกับการเพิ่มการปรากฏตัวทางทหารใดๆ ก็ตามทีของสหรัฐฯในทะเลจีนใต้”
แต่เขาก็เสริมว่า จีนมีความเข้าอกเข้าใจด้วยว่า การปรากฏตัวของเรือฟรีดอม “ไม่ได้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงดุลกำลังทางนาวีในภูมิภาคแถบนี้”
อย่างไรก็ตาม แกร์มบอกว่า จีนน่าจะสนใจเรียนรู้การทำงานของเรือประเภทนี้ ซึ่งมีความคล่องตัวสูงสามารถใช้ทำสงครามผิวน้ำ ตลอดจนตรวจค้นทุ่นระเบิดและเรือดำน้ำ โดยที่เป็นเรือซึ่งเหมาะสมกับภูมิภาคที่มีเขตน่านน้ำแบบเอเชียอาคเนย์
เขาระบุด้วยว่า การส่งเรือฟรีดอมเข้ามาประจำการเช่นนี้ ยังเป็นการตอบโต้แก้ต่างความรับรู้ความเข้าใจที่ว่า จากการที่สหรัฐฯต้องตัดทอนงบประมาณ จะ “บ่อนทำลายความยั่งยืนระยะยาวของการมุ่งมั่นปรากฏตัวของสหรัฐฯ”ในเอเชีย
ขอขอบคุณที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
- สื่อจีนเดือดแนะรัฐให้บทเรียนเวียดนาม เหตุขัดแย้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลจีนใต้
- จีน-ลาวหารือสร้างทางรถไฟ
- จีนไม่ล้มแผนส่งแพนด้าให้มาเลย์ แม้เสียงโห่ร้องวิกฤต MH370 ดังกึกก้อง
- จีนสกัดเรือฟิลิปปินส์-อ้างล้ำน่านน้ำ
- 'ฟิลิปปินส์' ยื่นฟ้อง 'จีน' ต่อศาลUNแล้ว หนึ่งวันหลังกองกำลัง 2 ฝ่าย 'เผชิญหน้า' ในทะเลจีนใต้