“ส.รับสร้างบ้าน”วาง8ยุทธศาสตร์ ผลักดันธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืน
“ส.รับสร้างบ้าน”วาง8ยุทธศาสตร์
ผลักดันธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืน
รองรับเปิดประชาคมอาเซียน
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า สมาคมฯได้วางยุทธศาสตร์ธุรกิจรับสร้างบ้านในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยวาง 8 ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ประกอบด้วย 1.ด้านการเงิน เน้นการใช้งบประมาณที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของสมาชิก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ,2.ด้านการขยายฐานธุรกิจ โดยการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ผ่านกลยุทธ์ Supply Chain ด้วยการพัฒนาความร่วมมือกับผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และกลยุทธ์ Synergy กับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น จัดหาที่ดิน ตกแต่งภายใน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ สระว่ายน้ำ เป็นต้น ด้วยการสร้างรูปแบบการให้บริการขึ้นมาใหม่ให้กับผู้บริโภค เพื่อง่ายต่อการวางแผนสร้างบ้านที่สมบูรณ์แบบครบวงจรมากขึ้น
3.ด้านการขยายฐานสมาชิก มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนสมาชิกของสมาคม โดยยังรักษาเกณฑ์มาตรฐานในการคัดกรองสมาชิก เพื่อเพิ่มมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้น ,4.การพัฒนาความร่วมมือกับสถาบันการเงิน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแช่งขัน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค โดยการผลักดันสินเชื่อในรูปแบบใหม่ ,5.การยกระดับการให้บริการสู่มาตรฐานสากล ISO 9001 ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าแล้ว ยังจะเป็นการเตรียมรองรับการแข่งขันในระดับอาเซียนหลังการเปิด AEC
6.เพิ่มศักยภาพและสร้างภูมิคุ้มกันทางธุรกิจ ด้วยการจัดตั้งทีมงานพิเศษเพื่อทำการเฝ้าระวังภัยคุกคามต่างๆ และศึกษาวิจัยผลกระทบทางธุรกิจ เพื่อให้สมาชิกสามารถตั้งรับกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ,7.การสร้างองค์การให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ (KM) ด้วยการจัดรวบรวมองค์ความรู้ใหม่ รวมถึงความรู้เดิมอย่างเป็นระบบ ,8.การพัฒนาทางด้านบุคลากร โดยเฉพาะในส่วนของสถาปนิก วิศวกร และผู้ควบคุมงาน
ในส่วนของเป้าหมายตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2557 นั้น คาดว่ามูลค่าตลาดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจะอยู่ที่ประมาณ 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มสมาชิกสมาคมฯ 7,500 ล้านบาท และกลุ่มรับสร้างบ้านอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมฯ 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่มีมูลค่าตลาดรวม 10,700 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มสมาชิกสมาคมฯ 7,100 ล้านบาท และกลุ่มรับสร้างบ้านอื่นๆ 3,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7%
โดยธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2557 ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆตั้งแต่ปี 2556 และคาดว่าจะส่งผลกระทบมาถึงปี 2557 ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนแรงงานและวัสดุที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบทางการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้การเติบโตทางธุรกิจชะลอตัวลง
ทั้งนี้เมื่อปี 2556 เอกชนก็ได้มีความพยายามที่จะร่วมมือกับภาครัฐในด้านต่างๆ แต่เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่ไม่สนองตอบธุรกิจ ส่งผลให้การแก้ปัญาหาด้านแรงงานจะยังคงไม่ชัดเจนต่อไป ขณะเดียวกันในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2556 ก็ยังคงส่งผลกระทบมาถึงในปี 2557 ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดภาพรวมไม่น่าจะขยายตัวมากนัก และในส่วนของสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการที่จะปลูกสร้างบ้านด้วยเช่นกัน