ส.อ.ท.วอนม็อบอย่าปิดกรุงเทพฯ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่ กปปส.ประกาศจะปิดกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13 มกราคมนี้ ว่า ส.อ.ท.ไม่อยากเห็นการปิดกรุงเทพฯ เพราะเป็นศูนย์กลางธุรกิจของประเทศและของอาเซียน หากมีการปิดจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 42 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ซึ่งย่อมส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังเศรษฐกิจของประเทศ มีผลบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยและของประเทศ และเชื่อว่าผลกระทบจะไม่เพียงเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่ผลกระทบจะต่อเนื่องต่อไปในอนาคตเป็นผลกระทบระยะยาวข้างหน้าด้วย และขณะนี้ยังไม่ทราบด้วยว่าการปิดกรุงเทพฯ จะนานเท่าใด
"ขณะนี้ภาคเอกชนเริ่มเตรียมการรับมือกับสถานการณ์การปิดกรุงเทพฯ แล้ว เช่น การย้ายสำนักงานออกไปชานเมืองชั่วคราว หรือผู้ที่ส่งออกสินค้าก็เลี่ยงท่าเรือที่ต้องผ่านกรุงเทพฯ หันไปใช้ท่าเรือและท่าอากาศยานอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดกรุงเทพฯ แทน" นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ภาคเอกชน อยากเรียกร้องให้ กปปส.และรัฐบาลหาทางออกปัญหาการเมืองด้วยการเจรจาและดำเนินการไปด้วยความอดทนและใช้สันติวิธีแทน เชื่อว่าในที่สุดจะสามารถหาทางออกที่เป็นทางออกแบบสันติ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายจะเป็นการดีกว่า อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าภาคเอกชนได้นัดหมายกันว่า จะมีการหารือกันถึงผลกระทบจากการที่ กปปส.จะปิดกรุงเทพฯ และยืนยันว่า พร้อมที่จะเป็นตัวกลางที่จะให้รัฐบาล และ กปปส.มาเจรจากัน ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการปิดกรุงเทพฯ และทราบว่า นปช.จะเข้ามาเปิดกรุงเทพฯ หากกลุ่ม กปปส.ปิด เชื่อว่าในที่สุดจะส่งผลให้สถานการณ์การเผชิญหน้าของทั้ง 2 กลุ่ม จะนำไปสู่การปะทะกันเกิดขึ้นได้ หากเกิดขึ้นจริง ก็จะยิ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นทวีคูณ ซึ่งที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเคยประเมินไว้ว่า จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประมาณ 20,000 ล้านบาท หากมีความรุนแรงเชื่อว่า จะกระทบแรงเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท.ยังไม่ได้มีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจเอาไว้ แต่เชื่อว่าเป็นตัวเลขหลายหมื่นล้านบาท