รัฐบาลพนมเปญเปลี่ยนไม่มาก
รัฐบาลพนมเปญเปลี่ยนไม่มาก
มาดูผลการเลือกตั้งประเทศ กัมพูชา ซึ่งเป็น 1 ในสมาชิกอาเซียน บ้าง ซึ่งผลการเลือกตั้งเมื่อวัน อาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ปรากฏว่าพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของสมเด็จฮุน เซ็นได้ที่นั่งใน สภา 68 ที่นั่ง ขณะที่พรรค CNRP ของนายสม รังสี ได้ 55 ที่นั่ง จาก ทั้งหมด 123 ที่นั่ง ทั้งนี้การเลือกตั้ง ครั้งนี้ พรรคของสมเด็จฮุน เซ็นได้ที่ นั่งลดลง 22 ที่นั่ง จากการเลือกตั้ง ในปี 2535 ที่ได้ 90 ที่นั่ง ขณะที่ พรรคฝ่ายค้านได้ที่นั่งเพิ่มจาก 31 ที่ นั่ง เป็น 55 ที่นั่งผลการเลือกตั้งแม้ รัฐบาลฮุน เซ็น จะชนะเลือกตั้งและ ได้เสียงข้างมาก แต่ก็ผิดคาดใน สายตาของรัฐบาลพนมเปญเดิม เพราะได้เสียงสนับสนุนลดลงเป็น อย่างมาก ซึ่งหากพิจารณาด้วยเหตุ และผลโดยปกติแล้ว ควรได้ ส.ส.ไม่ ตํ่ากว่าเดิม คือ 90 ที่นั่ง… นี่เป็นการ วัดผลงานของรัฐบาลพนมเปญโดยแท้ ชัยชนะแต่ “แพ้” ในครั้งนี้ ทำให้คนใน รัฐบาลต้องไปพิจารณาทบทวนว่าเกิด อะไรขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นผลจากข่าวคราวการ คอร์รัปชัน ข่าวการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือข่าวการเดินเกมต่างประเทศผิด พลาด ก็ต้องไปทบทวนกัน ความจริงแล้ว โดยปกติ พรรครัฐบาลไม่ควรมีเสียง ตกในสภาอย่างนี้ เพราะเราก็เห็นแล้วว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น บริหารด้าน เศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศได้ เป็นอย่างดี ด้านเศรษฐกิจสามารถยก ระดับให้ชีวิตและความเป็นอยู่ของ ประชาชนดีขึ้นในภาพรวม การลงทุนบูม สุดขั้ว เพราะจีนเข้าไปลงทุนเป็นจำนวน มาก ค่าแรงงานปรับขึ้นเป็นเท่าตัว ใน รอบ 10 ปี และนักท่องเที่ยวก็เพิ่มมาก ขึ้นด้วย ระบบการคมนาคมขนส่งก็อยู่ใน การพัฒนาหลายเส้นทาง ด้านความมั่นคง ก็ต้องบอกว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพมาก และวัดได้จากต่างประเทศเข้าไปลงทุน ในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง จะมีปัญหาบ้าง เป็นบางครั้งที่กระทบกระทั่งกับประเทศ เพื่อนบ้าน แต่นั่นไม่อาจสั่นคลอนเสถียร ภาพของรัฐบาลได้ กลับทำให้อำนาจรัฐ ดูเข้มแข็งขึ้นในสายตาประชาชนชาว กัมพูชา
แต่ด้านการถ่วงดุลอำนาจในระดับ สากลนั้น อาจเป็นจุดด้อยอยู่บ้าง เพราะ การ “กลับลำ” ของนายกรัฐมนตรี ฮุน เซ็น โดยเปิดประตูต้อนรับการลงทุน จีนอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาล จีนได้หนุนเขมรแดงโค่นล้มเขมรเสรีลงไป และนายฮุน เซ็น เอาชนะเขมรแดงได้ จึง อยู่ตรงกันข้ามกับจีน แต่ปัจจุบันกลับ “จูบ ปาก” กับจีนได้อย่างสนิทใจ
ด้วยเหตุนี้อาจทำให้รัฐบาลตะวัน ตกต้องทำ “เควชันมาร์ก” เอาไว้ ซึ่งนี่ก็ เป็นเหตุผลทางการเมืองระหว่างประเทศ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้คะแนนของรัฐบาล พนมเปญตกลงไปแน่นอนตะวันตกเฝ้า มองดุลอำนาจอยู่ว่า รัฐบาลพนมเปญ เอียงข้างจีนมากเกินไปหรือไม่ ถ้ามาก เกินไป อาจเป็นภัยอันตรายต่อประเทศ โลกตะวันตกอย่างยิ่ง ในแง่ยุทธศาสตร์ ทางการทหารความจริงแล้วโครงสร้าง เศรษฐกิจของประเทศกัมพูชากำ ลัง เปลี่ยนไป เปลี่ยนจากการผลิตเพื่อทด แทนการนำเข้าไปเป็นการผลิตเพื่อ การส่งออก แต่หนทางข้างหน้าอาจ ไม่สดใสในสายตาของนักลงทุนต่าง ประเทศ เพราะรัฐบาลพนมเปญ อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดจากการ เลือกตั้งที่ผ่านมา อีกทั้งในสายตา ของนักการทูตทั้งหลายที่เฝ้ามอง ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในกัมพูชาด้วย
เราต้องติดตามดูต่อไปว่า รัฐบาลพนมเปญจะมีหน้าตาอย่างไร เป็นรัฐบาลพรรคเดียวด้วยคะแนน เสียงส.ส.มากกว่าพรรคการเมือง ฝ่ายค้านแค่ 13 เสียงจะบริหาร ประเทศไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ หรือจะจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยดึง พรรคฝ่ายค้านมาร่วมรัฐบาล
อย่าลืมนะครับ การเมือง กัมพูชาไม่ค่อยเหมือนใคร ผู้นำ 2 คนก็เคยมีมาแล้ว การรวมพลังแบบ นี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ในแผ่นดิน กัมพูชา ต้องดูต่อไปครับ เพราะ รัฐบาลพนมเปญเปลี่ยนไม่มากคือ ทำอะไรที่เหนือความคาดหมายของ คนโดยทั่วไปเสมอ ในสายตาของผม นั้นเชื่อว่าภาพการเมืองในกัมพูชา ในวันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว การเมือง ภายในประเทศน่าจะยุ่งมากกว่า นิ่งๆ ครับ