กมธ.ห่วงไทยไปไม่ถึงฝัน ศูนย์กลางการศึกษาอาเซียน
นายประกอบ รัตนพันธ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังประชุมสัญจรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาการศึกษาของชาติร่วมกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมนโยบายที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียน (Education Hub) ซึ่งเท่าที่ดูการดำเนินการต่างๆ ของ สกอ. เห็นว่ายังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และอาจส่งผลให้ความตั้งใจดังกล่าวไปไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียนได้นั้น ระดับอุดมศึกษาจะต้องเป็นหลักสำคัญ เพราะฉะนั้น ทาง กมธ.การศึกษาจึงได้ฝาก สกอ.ว่าควรจะทำแผนงานรองรับการเตรียมความพร้อมเป็นศูนย์กลางกลางศึกษาอาเซียน เป็นวาระแห่งชาติ โดย กมธ.การศึกษา จะเป็นตัวกลางประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อมาหารือทั้งเรื่องดังกล่าวแบบลงรายละเอียดอีกครั้ง
"เท่าที่ดูสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยอาจจะไปไม่ถึงเป้าหมายของการเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียนนั้น คือ การไม่มีแผนในการจัดการศึกษาที่ชัดเจน ซึ่งทาง กมธ.การศึกษาได้แนะนำไปว่า ควรจะมีหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาเรื่องวีซ่านักศึกษาต่างชาติ ที่หลายประเทศให้วีซ่านักศึกษาระยะยาว แต่ของประเทศไทยให้วีซ่าแค่ 5-6 เดือน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเชิญ กต.มาหารือด้วยว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร แต่เป้าหมายจะต้องชัดเจนคือการเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียน" นายประกอบ กล่าว
ประธาน กมธ.ศึกษา กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นเรื่องคุณภาพการศึกษาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ได้หารือร่วมกับ สกอ. เพราะขณะนี้กำลังมีปัญหาทั้งเรื่องหลักสูตรจ่ายครบ-จบแน่ ทำให้การศึกษาไม่มีคุณภาพ นอกจากนั้นยังทบทวนเรื่องการดำเนินงานโครงการครูพันธุ์ใหม่ ซึ่งเดิมรัฐบาลมีนโยบายให้ สกอ. เป็นเจ้าภาพในการดูแลเรื่องดังกล่าว แต่ที่ผ่านมามีการหลักเกณฑ์บางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ทาง กมธ.การศึกษาไม่ติดใจ เพียงแต่อยากให้เดินตามเป้าหมาย คือ จูงใจให้มีคนเก่ง คนดี มาเป็นครู และต้องมีอัตรารองรับคนเหล่านี้โดยให้หลักประกันการมีงานทำ เพื่อให้คนที่มาเรียนมีแรงจูงใจในการมีการงาน ซึ่งในการประชุมครั้งถัดไปจะเชิญ รมว.ศธ. มาหารือด้วย เพราะครูถือเป็นหัวในในการพัฒนาการศึกษาชาติ