การจัดการข้ามวัฒนธรรมใน AEC
ความแตกต่างในด้านแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองการปกครองย่อมส่งผลต่อแนวคิดและนโยบายต่างๆ เกี่ยวกับการค้าและการลงทุนที่อาจจะแตกต่างกัน ทำให้ตกลงกันได้ไม่ง่ายนัก ในด้านศาสนาและภาษาก็มีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และอื่นๆและภาษาของชาติต่างๆ ก็มีความแตกต่างหลากหลายแต่ภาษากลางของอาเซียนคือ ภาษาอังกฤษ ซึ่งประเทศที่มีความได้เปรียบในด้านการใช้ภาษาอังกฤษคือ มาเลเซีย สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ส่วนประเทศเวียดนามและกัมพูชานั้นก็พัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว
มีการเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมากมายและคนเวียดนามและกัมพูชาก็ลงทุนไปกับการเรียนภาษาอังกฤษและขยันพัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่องเพราะรู้ว่าโอกาสที่จะได้งานดี เงินเดือนสูงขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนประเทศไทยดูเหมือนจะยังขยับตัวช้ากว่าคนอื่น โดยในภาพรวมทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยยังต้องพัฒนาอีกมากเพื่อให้ทัดเทียมกับเพื่อนบ้าน
ในการจัดการข้ามวัฒนธรรมให้ประสบความสำเร็จนั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่นอกเหนือไปจากภาษาที่ใช้ติดต่อกันก็คือความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของคนชาติอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพิจารณากลยุทธ์ในการเจรจาต่อรองและการดำเนินธุรกิจร่วมกันหรือระหว่างกัน สิ่งที่พึงระมัดระวังอย่างยิ่งคือ ต้องไม่มองทุกสิ่งทุกอย่างจากมุมมองของตนเองแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่พร้อมที่จะเปิดใจรับฟังข้อมูลและความคิดเห็นจากอีกฝ่ายหนึ่งและใช้เวลาพยายามทำความเข้าใจระหว่างกัน
นอกจากนี้ ยังต้องสะสมประสบการณ์ในการติดต่อกับผู้คนจากหลายชาติหลายภาษาและหลากหลายสาขาอาชีพ เพราะวิธีการที่ใช้ได้ผลในประเทศหนึ่งๆ หรือกับคนชาติหนึ่ง อาจจะใช้ไม่ได้ผลอย่างเดียวกันเมื่อนำไปปฏิบัติในอีกที่หนึ่งก็เป็นได้ทั้งๆ ที่เราอาจจะมองว่าทุกอย่างดูคล้ายคลึงกันน่าจะใช้กลยุทธ์หรือวิธีการเหมือนๆ กันได้.
แต่อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างชนิดที่คาดไม่ถึง สำหรับการจัดการข้ามวัฒนธรรมใน AEC สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันโดยมีพื้นฐานตั้งอยู่บนความเป็นมิตร ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ความซื่อสัตย์ต่อกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว ถึงแม้ว่าบางครั้งมุมมองหรือวิธีการอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้สามารถประสบความส าเร็จในการดำเนินธุรกิจร่วมกันได้ในที่สุด
ที่มา : สยามธุรกิจ