ชี้ช่องลงทุนอินโดฯ-ฟิลิปปินส์
สมเกียรติ ศิริชาติไชย กรรมการธนาคารกสิกรไทย มองว่า ก่อนอื่นนักธุรกิจต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าทำธุรกิจอะไร และธุรกิจของตัวเองอยู่ในระยะไหนแล้ว จากนั้นจึงได้แจกแจงว่า ประเทศกลุ่มอาเซียนแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มที่เศรษฐกิจเติบโต โดยอาศัยทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนใหญ่ส่งออกเป็นวัตถุดิบ เช่น เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย 2. กลุ่มที่เติบโตโดยการแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติ มีการเพิ่มมูลค่าลงไป เช่น ไทยและมาเลเซีย และ 3. กลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว เช่น สิงคโปร์ และบรูไน แม้จะมีเพียง 3 กลุ่มหลัก แต่ละประเทศก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน ดังนั้นการตัดสินใจทำการค้าหรือการลงทุนก็ต้องพิจารณาสิ่งเหล่านั้นด้วย
สำหรับวันนี้จะวิเคราะห์ ตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เป็นตลาดที่ไม่ไปไม่ได้เพราะเป็นตลาดใหญ่ มีประชากรมากถึง 245 ล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรอาเซียน
อินโดนีเซียมีจุดแข็งหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นฐานผู้บริโภคและแรงงานจำนวนมาก ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นจุดเชื่อมระหว่าง 2 ภาคพื้นทวีป คือ อาเซียนกับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทำให้อินโดนีเซียมีความได้เปรียบด้านการส่งสินค้าเข้าออกระหว่าง 2 ภูมิภาคใหญ่ แต่ก็มีจุดอ่อนที่เห็นชัด คือ ระบบราชการ โดยการติดต่องานราชการต้องใช้เวลานานมาก เช่น ตั้งบริษัทใหม่ต้องใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1-1.5 เดือนเทียบกับไทยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
อีกทั้ง มีการเปลี่ยนแปลงกฎการลงทุนบ่อย มีความเป็นชาตินิยมสูง รัฐบาลพยายามปกป้องธุรกิจท้องถิ่นด้วยการออกมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เช่นการเปลี่ยนแปลงกฎการถือหุ้นในธุรกิจต่างๆ ตลาดอินโดนีเซียเหมาะสำหรับการลงทุนด้านสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร เครื่องดื่มที่ไทยสามารถส่งออกไปขายได้ เพราะมีฐานผู้บริโภคมหาศาล ขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ สามารถเข้าไปตั้งโรงงานผลิตได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสลงทุนด้านโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ ตลอดจนการเพาะปลูกปาล์ม ยางพาราและสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรด้วย
ส่วนในฝั่งของฟิลิปปินส์สมเกียรติระบุว่า เป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง ตลาดใหญ่ ด้วยจำนวนประชากรสูงถึง 100 ล้านคนฟิลิปปินส์เป็นสังคมบริโภคนิยมคนมีเงินจับจ่ายใช้สอย นิสัยชอบสังสรรค์ ส่วนเศรษฐกิจก็เติบโตดีมาก
อย่างไรก็ตาม ฟิลิปปินส์ยังมีจุดอ่อนในหลายด้านเนื่องจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ใช้จ่ายเกินตัวทำให้มีการขาดดุลงบประมาณสูงมาก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังเสถียรภาพการคลังของประเทศ นอกจากนี้ยังมีอัตราการว่างงานสูง โครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ กฎระเบียบในประเทศมีความเข้มงวดและเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งนี้เงื่อนไขทางการเมืองและการปกครองทำให้การพัฒนาของฟิลิปปินส์ยังไปไม่ได้ไกล และยังต้องเดินหน้าอีกมาก โดยธุรกิจที่เหมาะเข้าไปลงทุน คือธุรกิจบริการ เพราะชาวฟิลิปปินส์พูดภาษาอังกฤษได้ดี ประกอบกับต้นทุนค่าจ้างก็ไม่สูงนัก ที่ผ่านมามีบริษัทต่างชาติจำนวนมากเข้าไปตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์ที่นี่ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสลงทุนในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เนื่องจากฟิลิปปินส์เหมือนกับประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนที่กำลังเร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ส่วนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ก็มีโอกาสสดใสเหมือนกัน เพราะชาวตากาล็อกมีกำลังซื้อสูง แม้ตอนนี้นักลงทุนจากไทยอาจไม่ได้สนใจฟิลิปปินส์มากนัก แต่เชื่อว่าฟิลิปปินส์จะเป็น “ม้ามืดที่มาแรง” หลังจากการเมืองนิ่งและแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้
ที่มา : โพสต์ทูเดย์