7 โรคจากประชาคมอาเซียน
เปิดประชาคมอาเซียนในปี 2558 จะมีประชาชนในภูมิภาคกว่า 600 ล้านคนเคลื่อนย้ายไปมาหาสู่กัน ซึ่งจะเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายของโรคระบาดหรืออุบัติโรคใหม่ที่อาจจะตามมาด้วย โดยเฉพาะ 7 โรค ที่อยากแนะนำ
1.ไข้หวัดใหญ่ อาการสำคัญ ผู้ป่วยจะอ่อนเพลียเฉียบพลัน เบื่ออาหาร ปวดแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบกระบอกตา
การป้องกัน ล้างมือให้ถูกวิธี การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และการใช้หน้ากากอนามัย
2.โรคหัด มีอาการเริ่มด้วยการมีไข้ มีผื่นนูนแดงบริเวณหน้า ลำตัว แขน ขา และค่อยๆ เข้มขึ้นเป็นสีแดงคล้ำหรือน้ำตาลแดง กินเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
การป้องกัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย และฉีดวัคซีนป้องกัน
3.โรคมาลาเรีย มีอาการนำคล้ายกับเป็นหวัด ลักษณะเฉพาะของโรคที่เรียกว่าไข้จับสั่นคือ มีอาการหนาวสั่น ไข้สูงและตามด้วยเหงื่อออก จะพบได้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
การป้องกัน ควรสวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายให้มิดชิด ใช้เสื้อผ้าสีอ่อนๆ ทายากันยุง นอนในมุ้ง หรือพ่นยากันยุง
4.โรคไข้เลือดออก ในการติดเชื้อ ผู้มีอาการจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ และมีผื่นที่ผิวหนังได้ แต่ถ้าติดเชื้อครั้งที่สอง โดยที่เชื้อต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก มีอาการสำคัญ 1.ระยะไข้ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง อาจมีผื่นหรือจุด 2.ระยะช็อกไข้จะเริ่มลดลง ผู้ป่วยจะซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง มีเลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ ช็อก และอาจถึงตายได้ ระยะนี้กินเวลา 24-48 ชั่วโมง และ 3.ระยะพักฟื้น อาการต่างๆ จะเริ่มดีขึ้น
การป้องกัน หลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัด
5.โรควัณโรค อาการที่พบได้บ่อยคือ มีต่อมน้ำเหลืองโตที่ขั้วปอด และที่คอ
การป้องกัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่กำลังมีอาการไอ หรือให้วัคซีน BCG ป้องกัน
6.โรคเท้าช้าง อาการในระยะแรก ผู้ป่วยอาจมีไข้ เนื่องจากพยาธิตัวแก่ที่อยู่ในท่อน้ำเหลือง สร้างความระคายเคืองแก่เนื้อเยื่อภายใน และปล่อยสารพิษออกมาทำให้อวัยวะนั้นบวมโตอย่างถาวรและผิวหนังหนาแข็งขึ้น
การป้องกัน ควรป้องกันและหลีกเลี่ยงยุงที่เป็นพาหะ
7.โรคคอตีบ อาการหลังระยะฟักตัวจะเริ่มมีอาการไข้ต่ำ มีอาการคล้ายหวัด บางรายอาจจะพบต่อมน้ำเหลืองโตที่คอด้วย จะพบมีอาการอักเสบในจมูก ทำให้มีน้ำมูกเรื้อรัง มีกลิ่นเหม็น
การป้องกัน ควรแยกผู้ป่วย ในเด็กทั่วไปควรฉีดวัคซีนป้องกัน
วันที่ 19/12/2556 เวลา 9:01 น.