เชื่อจีดีพีไทยโต 2.5%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยยืนยันว่าจากติดตามข้อมูลและดัชนีต่างๆ ทางเศรษฐกิจในช่วง 5-6 เดือนแรกของปีนี้ จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวปรับตัวดีขึ้น ทำให้เห็นสัญญาณที่ดีในเดือน มิ.ย. จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ยังสามารถเติบโตได้ในกรอบ 1.5-2.5% ตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และมีโอกาสที่จะเติบโตในขั้นสูงถึง 2.5%
“หัวหน้า คสช.ห่วงเศรษฐกิจในช่วงนี้ว่าหลังจากวันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นมานั้น หากจะดูความเชื่อมั่นทั้งจากผู้บริโภคและนักลงทุน จะเห็นว่าปรับตัวดีขึ้นโดยลำดับ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่สิ่งที่จะยืนยันเพื่อให้ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ดีคือต้องอยู่ที่นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการในขณะนี้” เลขาธิการ สศช.กล่าว
พร้อมระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มจะเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ช่วงเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/57 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้จากที่ในช่วงไตรมาสแรกติดลบ 0.6% และเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับในช่วงไตรมาส 3/57 และไตรมาส 4/57 ซึ่งหากปัจจัยต่างๆ รอบด้านดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยในวาระการทบทวนครั้งต่อๆ ไป แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นด้วย
นายอาคม กล่าวว่า ที่ประชุม คสช.ได้เร่งรัดการดำเนินการทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญอีก 6 เรื่อง ประกอบด้วย 1.การใช้จ่ายเงินงบประมาณทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสำนักงบประมาณยืนยันว่างบประมาณประจำปี 2558 สามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ 1 ต.ค.57 อย่างแน่นอน 2.การลงทุนภาคเอกชน ซึ่ง คสช.เร่งรัดให้พิจารณาโครงการต่างๆ ที่อยู่ในระหว่างการยื่นขอส่งเสริมการลงทุน อันจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชนได้มากขึ้น 3.การส่งออก คสช.ขอให้กระทรวงพาณิชย์เน้นการเจาะตลาดใหม่ๆ ลดต้นทุนในด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยสภาพัฒน์ยังคงเชื่อว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 3.7% ตามที่คาดไว้
4.การใช้กลไกจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจ SMEs 5.สร้างเสถียรภาพค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันที่ 32 บาทกว่า/ดอลลาร์ผู้ประกอบการภาคธุรกิจน่าจะมีความพอใจ 6.ด้านการท่องเที่ยว คสช.แสดงความเป็นห่วงเรื่องการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ช่วง high season โดยกำชับให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยบทวิเคราะห์กรณีที่กระทรวงพาณิชย์ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 2557 ขยายตัวได้ 3.5 % จากเดิมที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 5 % นั้น ในเดือนกรกฎาคม สศค.จะปรับลดประมาณการการส่งออกเช่นกัน เนื่องจาก มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 ปรับตัวลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 เพราะการส่งออกสินค้าในหมวดเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรได้รับผลกระทบจากปัญหาอุปทานในกุ้ง และอาหารทะเลแช่แข็งประกอบกับราคายางพารายังมีทิศทางลดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สินค้าหมวดยานยนต์หดตัว 0.1% ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ในตลาดส่งออกยานยนต์หลักของไทยอย่างออสเตรเลียและอินโดนีเซียปรับตัวลดลงในมิติของประเทศคู่ค้าการส่งออกไปจีนและอาเซียนปรับตัวลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอลงโดยหดตัว 5.6% และ 3.5% ตามลำดับ
ด้านนายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยืนยันว่า ปีนี้บีโอไอยังคงเป้าหมายยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนไว้ที่ 700,000 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนแล้วกว่า 300,000 ล้านบาท สำหรับอุตสาหกรรมที่นักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด ประกอบด้วย ภาคบริการ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และขนส่ง
ขณะที่สถานการณ์เข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ทั้งสหรัฐ ยุโรป หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ โดยนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่มุมมองของนักลงทุนยังคงมองการลงทุนในไทยภาพรวมระยะยาว และมองเรื่องการลงทุนแยกออกจากปัญหาการเมืองของไทย พร้อมพิจารณาปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมากกว่า
วันที่ 9/07/2557 เวลา 8:23 น.