“ซีสเซิล” แตกไลน์กาแฟเพื่อสุขภาพ
ซีสเซิลขายตรงมะกัน วางไทยเป็นฮับขายตรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้ารุกตลาดเต็มสูบ เผยแผนเน้นพัฒนาทรัพยากรคน ให้ความสำคัญด้านบุคลากร ผุดซีสเซิลอคาเดมี ปั้นนักธุรกิจมืออาชีพ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟเพื่อสุขภาพหวังบุกหนักปีหน้า
นายแอรอน เรนเนอร์ท รองประธานฝ่ายขายทั่วโลกซีสเซิล อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ เปิดเผยว่าปัจจุบันนี้บริษัทมีการขยายธุรกิจไปทั่วโลกและจากการเข้ามาขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันนออกเฉียงใต้ก็มีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทเปิดสาขาที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีการเติบโตที่ดีมาก ทั้งนี้จากการเปิดดำเนินธุรกิจมากว่า 3 ปี ในประเทศไทยมีการเติบโต 20-30 เปอร์เซ็นต์ทุกปี บริษัทจึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคนี้โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง
“ขณะนี้ตัวเลขการเติบโตของทั่วโลกมีเยอะมาก ซีสเซิลเป็นบริษัทจำกัด โดยมีเจ้าของคือ คุณทอมมาวเวอร์และลูกชายของเขา ทอม จูเนียร์ บริษัทไม่มีนโยบายในการเปิดเผยตัวเลขยอดขาย แต่โดยจุดแข็งของเราคือไม่มีหนี้สินและภาระผูกพันค่อนข้างอนุรักษ์นิยม และเติบโตตามผลกำไรที่ได้ในแต่ละปี แต่บริษัทมีสินทรัพย์ต่างๆ บริษัทแม่มีพื้นที่กว่า 3,000 เอเคอร์ซึ่งซื้อด้วยเงินสด โดยประธานบริษัทต้องการเติบโตแผ่ขยายธุรกิจโดยไม่มีการขายหุ้นหรือกู้เพิ่ม แต่เดินหน้าไปโดยไม่มีสิ่งเหล่านี้”
สำหรับประเทศไทยเติบโตเป็นลำดับที่ 6 จาก 36 ประเทศทั่วโลกซึ่งซีสเซิลเข้าไปเปิดดำเนินธุรกิจ โดยแนวทางรุกตลาดขายตรงไทยในโค้งสุดท้ายของปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มกาแฟเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของซีสเซิลมีทั้งหมด 6 กลุ่ม 180 รายการ ได้แก่ อาหารเสริมแบบน้ำ, อาหารเสริมทั่วไปแบบเม็ด, ผลิตภัณฑ์ลดและเพิ่มน้ำหนัก, กลุ่มทั่วไปโฮมแคร์ และมีผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
“โปรดักส์ที่โดดเด่นไปทั่วโลกเป็นเครื่องดื่มประเภทน้ำทุกตัวมีรายได้ต่อเนื่องคงที่ ส่วนไทยตอนนี้เติบโต 20-30 เปอร์เซ็นต์ และหวังว่าจะเปลี่ยนไปจากวันนี้ เราจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ซีสเซิลคเฟ่ เป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่มาจากประสบการณ์ของผู้ก่อตั้งบริษัทที่รู้จักกาแฟเป็นอย่างดี คุณทอมเชื่อว่าสิ่งที่จะเปิดตัวเป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลก เรากำลังจะได้รับในอนุญาตในสัปดาห์หน้าเป็นแบบสากล”
ด้าน นางกานต์สิรี ธนบูลย์ชูชัย ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท ซีสเซิล อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากกการที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลตลาดในประเทศอาเซียน ในช่วงปลายปีนี้จนถึงปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดในประเทศอาเซียน โดยที่ผ่านมาบริษัทเปิดสาขาที่ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์และบรูไน โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ซึ่งบริษัทจะผลักดันให้ซีลเซิลเป็นที่รู้จักในภูมิภาคดังกล่าว
“ในภูมิภาคอาเซียน ซีสเซิลจะไปเปิดที่ประเทศใด ปีหน้าจะขยายกี่ประเทศ ในฐานะฐานะซีลเซิลประเทศไทยเป็นฮับอยู่แล้ว พร้อมที่จะสนับสนุนประเทศข้างเคียง”
นายธนินโชติน์ กิติวัง ผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปลายปีนี้เน้นการตลาดเชิงรุก หลังจากที่ได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยมาแล้วกว่า 2 ปี โดยมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ของตลาด สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ผ่านช่องทางต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากนี้ไปบริษัทจะเปิดซิสเซิลอะคาเดมี ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนธุรกิจกับซิสเซิล ซึ่งจะมีลักษณะการทำธุรกิจเรียกว่าโคลนนิ่ง จากรุ่นสู่รุ่น จากนี้ไป จะเห็นผู้นำที่ถอดแบบออกมา
“ในปีนี้ จากเดือนนี้เป็นตันไป เชิงรุกด้านการตลาด จะมีการสร้างแบรนด์ โฆษณาประชาสัมพันธ์ เชิดชูเกียรติผู้นำที่ประสบความสำเร็จกับซีสเซิลมากยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นปีหน้าเรามีโครงการซื้อกินซื้อใช้ตลอดปี เที่ยวฟรี 1 ครั้ง เพื่อ สนับสนุนการทำธุรกิจที่ง่ายขึ้น โน้มน้าวผู้ที่อยากสำเร็จให้เข้าร่วมธุรกิจมากขึ้น”
นายแอรอน กล่าวว่า บริษัทมีแผนการเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ โดยความร่วมมือของประเทศสมาชิกร่วมกันผลักดันการเติบโต โดยการสนับสนุนของผู้บริหาร ผู้ร่วมธุรกิจหรือผู้นำและผู้บริโภค ไทยมีแผนตลาดที่แข็งแรงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ จะเห็นการจัดงานจากคนไทยที่นำเสนองาน การจัดการต่างๆ ยอดเยี่ยมมาก และเห็นผู้ที่ร่วมธุรกิจ มีความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการขายต่างๆ แต่ก็เชื่อว่าการขายลักษณะผู้ร่วมธุรกิจ มาคู่กับแผนการตลาดที่ดีและโปรดักส์ที่มีคุณภาพ
“3 ปีที่ผ่านมาเห็นธุรกิจที่มาเปิดที่ไทยหายไปหลายเจ้า มีพีคสูงสุดและตกลงมา นั่นเพราะบริษัทไม่มีผลิตภัณฑ์แข็งแรงพอ หลายบริษัทไม่มีแผนการตลาดที่แข็งแกร่วงพอ หรือมีภาระหนี้สินมากเกินไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลที่กล่าวไป หลายบริษัทเติบโตและพังทลายไป เหตุผลที่เราเติบโต คือ เรามีผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ มีแผนการจ่ายผลตอบแทนที่แข็งแรงเหมือนกับทั่วโลก มีผู้ก่อตั้งที่มีประสบการณ์จากธุรกิจกว่า 30 ปี ทำให้เป็นบริษัทที่มีรายได้มาหาศาล และเรามีผู้บริหารที่ใช่มาร่วมงาน” นายแอรอน กล่าว
วันที่ 14/11/2556 เวลา 8:55 น.