PCSGH เตรียมขายหุ้น IPO เข้า ตลท.
นายศิริพงษ์ รุ่งโรจน์กิติยศ ผู้ก่อตั้งและรองประธานกรรมการ บริษัท พี.ซี.เอส. แมชีน กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PCSGH เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ในระบบขับเคลื่อน หรือ “Power Train” ประกอบด้วยชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนระบบเกียร์ และชิ้นส่วนเพลาต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญมาก ต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงมาก จึงมีคู่แข่งน้อยราย โดยบริษัท PCSGH ผลิตให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์โดยตร งจัดเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน OEM แบบ Tier 1 จึงมีเสถียรภาพของออร์เดอร์สูง โดย PCSGH มุ่งเน้นผลิตชิ้นส่วนสำคัญในระบบขับเคลื่อน ในระบบเครื่องดีเซล ที่ใช้ในรถเพื่อการพาณิชย์และรถตรวจการณ์ (PPV) ซึ่งเป็นประเภทรถยนต์ที่ประเทศไทยผลิตได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโล กรองจากสหรัฐอเมริกา ทั้งเพื่อส่งออกตลาดโลก และจำหน่ายในประเทศ ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่มีโรงงานผลิตในไทย อาทิ โตโยต้า อีซูซุ มิตซูบิชิ จีเอ็ม ฟอร์ด มาสด้า นิสสัน และ ซูซูกิ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่ชิ้นส่วนที่บริษัทรับผลิต ใช้ในรถกระบะที่ส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก บริษัทจึงไม่ได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงในปีนี้มากนัก
นายประสงค์ อดุลยรัตนนุกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตโดดเด่นอย่างมาก โดยรายได้รวมเติบโตจาก 2,791 ล้านบาท ในปี 2553 เป็น 3,174 ล้านบาท ในปี 2554 และเป็น 5,294 ล้านบาท ในปี 2555 ในขณะที่กำไรสุทธิ เติบโตต่อเนื่อง คือจาก 676 ล้านบาท ในปี 2553 เป็น 789 ล้านบาท ในปี 2554 และเพิ่มขึ้นกว่า 115% เป็น 1,705 ล้านบาท ในปี 2555 ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2556 นี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,869 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 968 ล้านบาทเติบโตขึ้นจาก 24% ในปี 2553 เป็น 33.6% ในงวดครึ่งปีแรก 2556 ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นอัตรากำไรสุทธิที่สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
และจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะมีการขยายตัวของความต้องการในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งจากผู้บริโภคเอง หรือในทางพาณิชย์เองก็มากขึ้นเช่นกัน ทางบริษัทฯ จึงเตรียมการรองรับการขยายออร์เดอร์ที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ บริษัทฯ จึงได้แปรสภาพเป็นมหาชน และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,426 ล้านบาท โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินคือ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง ซึ่งบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญรวมทั้งสิ้น 357 ล้านหุ้น ซึ่งมีราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไป เพื่อรองรับการขยายโครงการต่างๆ ของลูกค้าใหม่ และลูกค้าเดิม รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้ยืม โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง และ บมจ.หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายในการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้
วันที่ 8/11/2556 เวลา 5:59 น.