เก็บข้อมูลผลกระทบภาคอุตสาหกรรมอาเซียน

นายชุมพล ชีวะประภานันท์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสูงทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดย่อย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 แสนรายทั่วประเทศ โดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดย่อยที่มีอยู่ 5-7 หมื่นราย เป็นผู้ประกอบการที่ต้องได้รับการยกระดับเนื่องจากเป็นผู้ที่ศักยภาพสามารถขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนได้ แต่เหตุผลที่ผู้ประกอบการในกลุ่มดังกล่าวยังไม่กล้าขยายการลงทุนเข้าไปยังประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เนื่องจากยังขาดความรู้เกี่ยวกับกฎหมายความปลอดภัย และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรมของประเทศนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยสำนักสนธิสัญญาและยุทธศาสตร์ จึงได้จัดทำ “โครงการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ กฎ ระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย วัตถุอันตรายและสารเคมีที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” เพื่อยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย ด้านการลงทุนและแข่งขันในกลุ่มประเทศสมาชิก AEC ให้อยู่ในระดับเดียวกัน เพิ่มความได้เปรียบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การแข่งขันและพัฒนาอุตสาหกรรมบนพื้นฐานของอุตสาหกรรมสีเขียวได้อย่างยั่งยืน

นายชุมพล กล่าวว่า ในเบื้องต้นกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกฎ ระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ตลอดจนวัตถุอันตรายและสารเคมีที่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศอาเซียน เพื่อเปรียบเทียบและวิเคราะห์ข้อแตกต่างและปรับเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นจะจัดเสวนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ใน 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ที่ จ.ลำพูน ภาคกลาง ที่กรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.ขอนแก่น ภาคตะวันออก จ.ระยอง และภาคใต้ที่ จ.สงขลา โดยมีระยะเวลาจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2556 นี้ และจะจัดอบรมให้ความรู้ในเชิงลึกกับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 4/11/2556 เวลา 11:15 น.