บีเอ็นจีดันไทยฐานไอทีเออีซี

 

บีเอ็นจี กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาระบบสารสนเทศสัญชาติญี่ปุ่น ตั้งเป้าวางไทยเป็นฐานรุกตลาดอาเซียน หลังเปิดเออีซี เผยปี 57 เจาะฐานกลุ่มลูกค้าองค์กรไทยมากขึ้น ชี้นักลงทุนญี่ปุ่นมองไทยเป็นประเทศแรก ตั้งโรงงานผลิต คาดหลังเศรษฐกิจชะลอตัวโอกาสเติบโต 2-3 เท่า

นายทากาชิ ฮิรากาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทโย บิสซิเนส เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศ ไทย) จำกัด หรือ บีเอ็นจี เปิดเผยว่า บีเอ็นจี ประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้สร้างฐานที่แข็งแกร่งในกลุ่ม ERP ทั้งสำหรับแพ็กเกจ MCFrame และแพ็กเกจ A.S.I.A โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม MCFrame แม้จะเข้าสู่ตลาดไทยได้เพียง 2 ปี แต่ก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมาก จนทำให้เรามั่นใจว่า บีเอ็นจีมีความพร้อมที่จะให้บริการกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหม่ ที่เข้าไปลงทุนในตลาดประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน บริษัทได้วางแผนที่จะรุกตลาดธุรกิจสัญชาติไทยให้มากขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างฐานตลาดลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังได้เปิดตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา โดยใช้ บีเอ็นจี ประเทศไทย เป็นฐานอีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทบีเอ็นจี ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาการบริหารองค์กร ระบบสารสนเทศและการสื่อสาร วางแผนและพัฒนาเครือข่ายคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งให้เช่าระบบสารสนเทศและการสื่อสารกับองค์กรธุรกิจต่างๆ อาทิ การวางระบบเครือข่าย ERP CRM และ SCM ลูกค้า แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักคือ 1.กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ 2.การขนส่ง 3.ลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง 4.ลูกค้าที่เป็นส่วนของการตลาด

สำหรับกลยุทธ์ของบีเอ็นจีในปี 2557 จะเน้นเดินหน้าดูแลกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่นเป็นหลัก และจะขยายตลาดไปสู่บริษัทคนไทยมากขึ้น โดยจะจัดตั้งทีมการตลาดพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าไทยโดยเฉพาะ เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติม โดยทีมการตลาดพิเศษนี้ ประกอบด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และมีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าไทยเป็นอย่างดี รวมทั้งให้การสนับสนุนการทำตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจะเพิ่มกำลังคนเป็นเท่าตัว สำหรับเป้าหมายระยะสั้นเพื่อสร้างฐานตลาดที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่น ส่วนเป้าหมายระยะยาว มุ่งเปิดตัวสู่ตลาดระดับนานาชาติ เช่น ในยุโรป และอเมริกา

นายฮิรากาวา กล่าวต่อว่า สำหรับองค์กรธุรกิจสัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทยมีอยู่กว่า 3 พันราย ซึ่งบริษัทมีลูกค้ารวมประมาณ 100 บริษัท มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 4-5% เรามองว่าโอกาสที่ธุรกิจด้านการวางระบบสารสนเทศให้กับองค์กรญี่ปุ่นในไทย มีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากผลพวงจากนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลไทย ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ขยายกำลังการผลิต และจำเป็นต้องมีการวางระบบสารสนเทศภายในค่อนข้างมาก ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหลังจากที่เศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงนี้ ต่อไปภายใน 2-3 ปี ลูกค้าของบริษัทเราจะมีการเติบโตสูงถึง 2-3 เท่าตัว ส่วนการคาดการณ์ตลาดรวมในอาเซียน มองว่าจะเติบโตถึง 30% ซึ่งที่ผ่านมาในปี 2554-2555 ตลาดเติบโตที่ 16% และถัดจากนี้ไป เชื่อว่าจะเติบโตกว่า 10% หลังจากเหตุการณ์เศรษฐกิจชะลอของปีนี้ผ่านไป

“เหลือเวลาอีกเพียง 2 ปี ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ก็จะเปิดอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางการตลาดใหม่ มีกลุ่มธุรกิจจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ ซึ่งบีเอ็นจีเองก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะให้บริการแก่ตลาดในส่วนนี้ได้ และจากการคาดการณ์ เชื่อว่าใน 2-3 ปีให้หลัง บริษัทของญี่ปุ่นจะขยายฐานการผลิตจากจีนมาที่ไทยมากขึ้น เนื่องจากค่าเงินหยวนของจีนที่แข็งค่าขึ้นทำให้ค่าจ้างแรงงานในจีนค่อนข้างแพง หากเปรียบเทียบกับประเทศไทย บวกกับปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ ญี่ปุ่น-จีน ทำให้มั่นใจว่าจะมีการเปิดโรงงานในไทยมากขึ้นเมื่อมีการเปิดเออีซี” นายฮิรากาวา กล่าว

 

 

วันที่ 9/10/2556 เวลา 9:48 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

250

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน