เตือนไทยเสี่ยงใช้พลังงานกระฉูด

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมเปิดตัวผลการศึกษา “แนวโน้มพลังงานโลกในอนาคต ฉบับ 2556” ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ว่า จากผลการศึกษาด้านพลังงานของไออีเอ พบว่า ในอีก 22 ปี ไทยจะเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงพลังงานมากที่สุดในอาเซียน เนื่องจากไทยจะเกิดความเติบโตในการใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าสูงสุดในอาเซียน โดยจะมีการใช้ก๊าซฯ เพิ่มขึ้นถึง 90% จากปัจจุบันใช่อยู่ 25% ของเชื้อเพลิงทั้งหมด และจะมีการนำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 90% จากปัจจุบันเข้า 60% ขณะที่ในอนาคตแหล่งผลิตก๊าซฯ เริ่มมีจำกัด ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องหันมาพึ่งพาพลังงานในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีโอกาสลดความเสี่ยงได้ เนื่องจากไทยมีแผนอนุรักษ์พลังงานอย่างชัดเจน ซึ่งกำหนดลดใช้พลังงานให้ได้ 25% ในปี 2573 จากปัจจุบันลดได้ประมาณ 10%

นอกจากนี้ ไทยยังมีแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท โดยโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าจะช่วยประหยัดพลังงานลงได้อีก 10% และลดต้นทุนด้านโลจีสติกส์ลงได้ส่วนหนึ่งจากปัจจุบันที่มีต้นทุนอยู่ที่ 18-20% ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วมีต้นทุนด้านโลจีสติกส์อยู่เพียง 10% เท่านั้น รวมทั้งการที่ไทยผลักดันการพึ่งพาพลังงานในประเทศไทยลงสู่ระดับชาวบ้าน ด้วยการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และการลดการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนลง ถือว่าไทยเดินมาถูกทาง แต่ต้องทำอย่างจริงจังจึงจะลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงพลังงานลงได้จริง

ทั้งนี้ ไออีเอยังได้เลือกศึกษาการใช้พลังงานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นพิเศษในปีนี้ เพราะเห็นว่าเป็นภูมิภาคที่จะเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ประชากรจะเพิ่ม 25% ในอีก 22 ปี ทำให้การใช้พลังงานของอาเซียนเพิ่มขึ้นอีก 80% จากปัจจุบัน โดยจะเกิดการใช้น้ำมันเพิ่มเป็น 6.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันใช้อยู่ 4.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนการใช้ถ่านหินจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว และการใช้ก๊าซฯ เพิ่มขึ้นอีก 80% ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว ดังนั้นอาเซียนจะต้องเตรียมความพร้อมในการแก้ปัญหาดังกล่าว

สำหรับทางออกในการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงพลังงานของอาเซียนนั้น จะต้องมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะต้องมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่ๆ โดยรวมไม่ต่ำกว่า 3.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานลงได้ 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดการนำเข้าน้ำมันลงได้ 7 แสนบาร์เรลต่อวัน และช่วยประหยัดมูลค่าการนำเข้าน้ำมันลงได้ 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญจะเป็นส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก 2% ในปี 2578

 

 

วันที่ 3/10/2556 เวลา 6:36 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

223

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน