2 แบงก์ชี้จีดีพีทั้งปีไม่ถึง 4%

จับตาไม่กระพริบมาตรการคิวอี

 

 

2 แบงก์ใหญ่ โฟกัสครึ่งปีหลังเศรษฐกิจชาติ เห็นพ้องต้องกันปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยทั้งปีโตไม่ถึง 4% มั่นใจ เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง และอาจจะเริ่มปรับขึ้นในปลายปี 2557

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดว่าครึ่งปีหลังปีนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย หรือ จีดีพี จะขยายตัว 3-3.8% แต่การใช้จ่ายภาคเอกชนยังคงชะลอตัว/การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกระยะ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงปรับลดคาดการณ์ตัวเลขการส่งออกลงเหลือ 1.5% หรืออยู่ในกรอบที่ 0.5-3%

แต่การส่งออกที่ดีขึ้นในช่วงปลายปี จึงทบทวนคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือ 3.7% หรืออยู่ในกรอบ 3.5-4% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4% หรืออยู่ในกรอบ 3.8-4.3% ซึ่งเป็นการปรับลดเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปี จากต้นปีที่ประมาณการว่าจีดีพีจะโต 5% ลดลงเหลือ 4.8%, 4% และ 3.7% ตามลำดับ

ส่วนเศรษฐกิจไทย ปีหน้ายังคงคาดการณ์จีดีพี ไว้ที่ 4.5% หรืออยู่ในกรอบ 4-5% ภาคการส่งออกจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตัว คาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 7% เนื่องจากตลาดหลักทั้งอาเซียนและจีนฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจน้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และเครื่องปรับอากาศ ส่วนตลาดสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวในเกณฑ์ดีเช่นกัน

สำหรับปัจจัยที่ยังต้องติดตามในระยะใกล้นี้ คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ คาดการณ์ว่าเฟดจะทยอยลดขนาดวงเงินซื้อสินทรัพย์ต่อเดือน หรือ QE จากเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเดือนละ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อไม่ให้ตลาดเงินตลาดทุนโลกอยู่ในภาวะตื่นตระหนัก ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าเฟดจะยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง และอาจจะเริ่มปรับขึ้นในปลายปี 2557

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะยังคงไม่ปรับขึ้น โดยยังต้องจับตามมองหลังจากมาตรการลด QE จบลงในกลางปี 2557 โดยต้องติดตามว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราเท่าใดและจะมีผลให้เงินลงทุนต่าง ชาติไหลกลับไปสหรัฐ มากน้อยเพียงใด ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงจะนำข้อมูลมากำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยต่อไป คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 คณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.5% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.5% ดังนั้นตลาดการเงินไทยและค่าเงินบาทจะยังมีความผันผวนตามกระแสข่าวการชะลอ มาตรการ QE ซึ่งคาดว่าค่าเงินบาทจะมีความผันผวนอยู่ที่ 6.5% สูงกว่าค่าความผันผวนของเงินสกุลเอเชีย ที่อยู่ประมาณ 4%

แต่เชื่อมั่นว่า เงินสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่สูงถึง 191,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินทรัพย์สภาพคล่องส่วนเกินของระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ 2.4 ล้านล้านบาท จะเพียงพอรองรับหากเฟดชะลอมาตรการ QE และต่างชาติถอนเงินลงทุนออกจากประเทศไทย โดยต่างชาติลงทุนในสินทรัพย์ประมาณ 7 แสนล้านบาท

ส่วนสถานการณ์ซีเรีย แม้ว่าจะผ่อนคลายลงบางส่วน หลังจากที่นานาชาติเข้าไปตรวจสอบอาวุธเคมีในซีเรีย แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์เพราะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของราคาน้ำมันในตลาดโลก

ด้าน น.ส.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ หัวหน้าศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจและผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ระบุว่า หากมีความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 จะส่งผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ ได้ปรับลดประมาณการจีดีพีปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3.4% ซึ่งได้รวมประเด็นคาดการณ์การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาคเอกชนด้วยว่าจะสามารถเข้ามาเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีได้หรือไม่

สำหรับตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตได้ 1.5% จากช่วง 7 เดือนแรกการส่งออกเติบโต 0.6% โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งแรก จากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท และปริมาณการสั่งซื้อจากต่างประเทศที่ปกติแล้วจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับประเด็นการลดและยกเลิกมาตรการคิวอีในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ โดยหากผลการประชุมออกมาเป็นไปในทิศทางที่มีการปรับลดและมีกำหนดเวลาที่แน่นอน จะไม่กระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนมากนัก เนื่องจากมีการรับข่าวมาพอสมควรแล้ว

ขณะที่หากยังไม่มีความชัดเจนและเลื่อนออกไปอีก จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะจะส่งผลกระทบต่อความผันผวนของค่าเงินบาทอีกครั้ง ทั้งนี้ ประเมินว่าค่าเงินบาทในปีนี้จะอยู่ที่เฉลี่ย 31 บาท/ดอลลาร์

“เรื่องคิวอีถ้ามีความชัดเจนความผันผวนจะน้อยลง ถ้าหากมีการลดก็จะดีต่อภาพเศรษฐกิจโลกโดยรวม ส่วนหากยังไม่ชัดเจนนักลงทุนต่างๆ คงจะยังไม่มีความเชื่อมั่น ส่วนเรื่องเงินทุนไหลออกนั้น หากมีการปรับลดคิวอีจะไม่กระทบต่อกระแสเงินทุนไหลออกมากนัก เพราะมีเงินทุนไหลออกเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมาจากความวิตกของนักลงทุน” น.ส.สุทธาภา

ขณะที่ น.ส.ซู เซียน ลิม นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวถึงกรณีหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน (คิวอี) จะมีเงินทุนไหลออกจากไทยอีกหรือไม่ ว่า ที่ผ่านมานักลงทุนวิตกกังวลเพราะตลาดมีปฏิกริยามากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอนาคตเชื่อว่าเฟดจะปิดล็อกสภาพคล่องแต่คาดว่าเฟดจะค่อยๆ ลดคิวอีลง การกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดยังมีแต่อาจน้อยลง

ทั้งนี้ เมื่อตลาดคลายความกังวล ประเทศที่มีพื้นฐานดีอย่างไทยน่าจะได้รับผลดีจากเงินทุนที่ไหลกลับมาเข้ามาอีกครั้ง เชื่อว่าเงินลงทุนโดยตรง หรือเอฟดีไอจะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตและภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ หรือลงทุนเพิ่มเติมส่วนที่มีเครือข่ายสายการผลิตรองรับอยู่แล้ว

เอชเอสบีซี ยังมองถึง การฟื้นตัวของการส่งออกไทย ดูได้จากตลาดสำคัญ เช่น จีน มีสัญญาณบางอย่างที่บอกว่าเริ่มมีเสถียรภาพและในตลาดพัฒนามีสัญญาณฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ทั้งญี่ปุ่นและยูโรโซนพ้นจากความถดถอย สหรัฐเองปรับตัวดีขึ้น สินค้าไทยไตรมาส 4 ปีนี้ที่จะได้ประโยชน์จากสมมุติฐานการฟื้นตัวปานกลางของเศรษฐกิจโลก คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอาจเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย เพราะการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศเริ่มฟื้นความต้องการรถบรรทุกมากขึ้น

เอชเอสบีซี ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวครึ่งหลังปีนี้ หลังเกิดการถดถอยทางเทคนิคอย่างมากในครึ่งปีแรก ภาคครัวเรือนมีการปรับตัวจากมาตรการจริงจังของภาครัฐ เมื่อดูภาคครัวเรือนตอนนี้รู้สึกดีจากแรงหนุนของอัตราว่างงานต่ำ ค่าจ้างปรับขึ้น ในภาคธุรกิจคิดว่ายังได้ประโยชน์จากความต้องการค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่เห็นผลกระทบจากการขยายตัวมากในปีก่อน ครึ่งหลังปีนี้การบริโภคและการลงทุนไตรมาสต่อไตรมาสควรดีดตัวดีขึ้น หลังครึ่งปีแรกจีดีพีรายไตรมาสเทียบไตรมาสหดตัว

อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซี ได้ปรับลดคาดการณ์เติบโตของจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 2.8% ปีนี้ หากดูภาพการส่งออกปีนี้จะฟื้นตัว เป็นสัญญาณฟื้นปานกลางทั้งในจีน สหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่น ช่วยยกระดับส่งออกไทยครึ่งหลังปีนี้ โดยเฉพาะไตรมาส 4 ให้ดีขึ้นหากทุกอย่างดีขึ้นปีหน้าควรได้เห็นไทยขยายตัวได้ 4.4% หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ เอกสารรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียนก่อนหน้านี้ เอชเอสบีซี คาดจีดีพีไทยปีนี้ที่ 5% ส่วนปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 6.2% ส่วนการส่งออกแท้จริงของไทยคาดจะโต 3.3% ปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% ปีหน้า

“ปี 2555 เศรษฐกิจโตเกินเป้ามาก และปีนี้เศรษฐกิจต่ำกว่าเป้า ดังนั้นปี 2557 เศรษฐกิจควรกลับมาอยู่ในแนวโน้มการเติบโตที่ควรจะเป็น ส่วนเงินเฟ้อยังคงคุมได้ เรามองเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 2.5% แต่อาจมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อมากขึ้นปีหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวแต่ไม่ขึ้นมากนักเกือบๆ 3% เป็นผลจากราคาอาหารและพลังงาน”

 

 

วันที่ 17/09/2556 เวลา 7:43 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

159

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน