ดัน “ชัยภูมิ” ศูนย์กลางผ้าไหมไทยครบวงจรสู่อาเซียน
ชัยภูมิ/ เมื่อเร็วๆ นี้ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมหม่อนไหม ร่วมเป็นประธานเปิดงานจัดเวทีวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาเส้นไหมไทยสู่อาเซียน ในกลุ่มจังหวัดทั่วภาคอีสาน ณ ที่ลานกีฬาเทศบาลตำบลภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อเตรียมรองรับพัฒนาศักยภาพกลุ่มเครือข่ายผู้ผลิตไหมไทยและการตลาดให้เข้าถึงในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ให้ทันความต้องการที่จะมีจำนวนมากตามมาในอนาคต และเพิ่มมูลค่าการส่งออกเฉพาะในส่วน จ.ชัยภูมิ ที่มีมากกว่าปีละไม่น้อยกว่า 430 ล้านบาท ให้มีมูลค่ามากขึ้นกว่าที่เป็นให้ทันในปี 2558 นี้
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มจังหวัดในภาคอีสาน ที่ถือว่า จ.ชัยภูมิ มีศักยภาพด้านการพัฒนาส่งเสริมการตลาดเศรษฐกิจด้านหม่อนไหมจำนวนมาก ตั้งแต่ต้นน้ำ คือผู้ผลิตเส้นไหม จนนำไปสู่การผลิตสินค้าจากผ้าไหมได้ครบวงจร ที่ยังมีทั้งผลดีและผลเสีย และยังขาดกระบวนการเข้ามาช่วยเสริมและรองรับการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นได้ ที่เราจะต้องให้ความสำคัญในการที่จะเข้าสู่เวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในกลุ่ม 10 ประเทศ ในปี 2558 ที่จะถึงนี้ให้มากขึ้น เราจะต้องเร่งให้ความสำคัญในการรองรับการผลิตเส้นไหม การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้มากขึ้น ยังมีกระบวนการผลิตไม่เพียงพอและขาดตลาดในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ที่มีความโดดเด่นด้านการผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มจากผ้าไหม ผ้าทอมือที่มีเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สวยงาม แต่เริ่มเลือนหายไปจาก จ.ชัยภูมิและจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ จำนวนลดลงในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพและรวดเร็วได้มากขึ้น เพื่อรองรับตลาดในกลุ่มอาเซียนให้ได้มากขึ้นได้ไม่ยากจากนี้ไป
นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยว่า การที่เลือก จ.ชัยภูมิ เป็นศูนย์กลางถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาเส้นไหมไทยครอบวงจรสู่อาเซียน เพราะถือว่าเป็นจังหวัดนำร่องด้านการเป็นแหล่งผลิตผ้าไหมครบวงจร มีเอกลักษณ์ความโดดเด่นของสินค้ามายาวนานมากกว่า 20 ปี และเกิดการร่วมกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานและชุมชน มีกลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับหม่อนไหมมากกว่า 8,600 ราย
ซึ่งถือว่ามีกลุ่มที่เป็นหัวใจหลักของต้นน้ำการผลิต มีผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจำนวนมากกว่า 4,831 ราย มีพื้นที่ที่มีศักยภาพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมากกว่า 5,447 ไร่ และสามารถผลิตเส้นไหมพันธุ์ไทยขึ้นชื่อเป็นต้น วัตถุดิบที่นำไปผลิตสินค้าจากไหมได้ครบวงจร และนำไปสร้างมูลค่าเสริมอุตสาหกรรมการผลิตในช่วงกลางน้ำ และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ไหมไทยขึ้นชื่อสร้างรายได้มูลค่าการส่งออกที่ทำเงินเข้าประเทศไทย และ จ.ชัยภูมิ ได้ไม่น้อยกว่าปีละ 436.24 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งจากนี้ไป ก่อนที่จะเข้าสู่เวทีอาเซียนในปี 2558 นี้เต็มตัว ส่วนที่ยังขาดคือการที่จะต้องมีแหล่งผลิตเส้นไหมครบวงจรใน จ.ชัยภูมิ ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางต้นแบบของไทยและนำส่งออกกระจายสินค้าสู่กลุ่มเครือข่ายทั้งภาคอีสานให้มากขึ้น เพื่อช่วยกันเตรียมรองรับตลาด และสร้างมูลค่าการส่งออกให้กับประเทศไทยได้มากขึ้นอีกจำนวนมากในอนาคตนี้ได้ไม่ยากกว่าปีละไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ในส่วน จ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้ ที่อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันและให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้นได้
วันที่ 6/09/2556 เวลา 11:18 น.