กระหึ่มบาหลี-ชูไทยผู้นำโซล่าร์ฟาร์มแห่งอาเซียน
ซีอีโอใหญ่ SPCG ขึ้นเวทีเวทีฟอร์บ ประชุมนักธุรกิจระดับโลกที่บาหลี ประกาศประเทศไทยก้าวเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน ที่พัฒนาพลังงานหมุนเวียนมาใช้จนประสบความสำเร็จ สร้างความแข็งแกร่งให้ไทยมีความมั่นคงด้านพลังงาน
นิตยสารฟอร์บได้เชิญผู้บริหารธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ของแต่ละประเทศจำนวน 420 คน จากหลายธุรกิจ ไปแสดงวิสัยทัศน์ในเวทีซีอีโอ ฟอรัม ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ก.ย. โดยคนไทยที่ได้รับเชิญมี 3 คน คือ น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายฐาปณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม ในปี 2014 ทางฟอร์บจะมาจัดประชุมซีอีโอ ฟอรัม ที่ประเทศไทย
ทั้งนี้ น.ส.วันดี ได้รับเชิญให้ไปบรรยายในหัวข้อ มุมมองของพลังงานแสงอาทิตย์ในอนาคต และทิศทางของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยมองว่า ในปี 2020 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า ประชากรของโลกจาก 7 พันล้าน จะเพิ่มเป็น 9 พันล้านคน ความต้องการพลังงาน จะเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า พลังงานที่เหลือจะไม่เพียงพอ จึงต้องนำพลังงานทดแทนมาใช้
สำหรับ ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้พลังงงานทดแทนอย่างแสงอาทิตย์ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเหลือน้อยลง แต่ความต้องการพลังงานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจำนวนประชาชนกรเพิ่มขึ้น พลังงานแสงอาทิตย์จึงเป็นพลังงานทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
น.ส.วันดี กล่าวว่า รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ทั้งโซล่าฟาร์ม และโซล่ารูฟ เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลกรัฐบาลก็สนับสนุน เนื่องจากการติดตั้งเครื่องมือ ลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้ สำหรับประเทศไทยขณะนี้ถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน ด้านการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ แม้ในอนาคตพลังงานจะขาดแคลน แต่ด้วยศักยภาพของพลังงานแสดงอาทิตย์ที่มีอยู่จำนวนมหาศาล จะช่วยยืดให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงานต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ประกาศนโยบายรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือโซล่ารูฟ ทำให้ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำพลังงานหมุนเวียนด้านแสงอาทิตย์ในภูมิภาคนี้ จากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และนโยบายสนันบสนุนของภาครัฐ จะทำให้มีพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 4000 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า
สำหรับ ประเทศไทยปัจจุบัน มีการใช้พลังงานเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 0.5 กิโลวัตต์ เทียบกับประเทศพม่าที่มีอัตรา 0.05 กิโลวัตต์ต่อประชากร 1คน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ภาคเอกชนจะเข้าไปลงทุน ในประเทศที่ขาดพลังงานด้วย
วันที่ 5/09/2556 เวลา 15:55 น.