“ยิ่งลักษณ์” เวิร์คช็อปบนรถไฟ
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปลัดกระทรวงคมนาคม รวมถึงผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย บนรถไฟเที่ยวพิเศษ ว่า นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้รายงานวิสัยทัศน์ในการพัฒนารถไฟไทยว่า มีการตั้งเป้าหมายในปี 2563 ให้รถไฟกลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยอีกครั้งเมื่อการลงทุนตามโครงการ 2 ล้านล้านแล้วเสร็จ หลังจากที่ไทยเคยภาคภูมิใจที่มีรถไฟที่ก้าวหน้าที่สุดในเอเชียเมื่อ 100 ปีก่อน เพราะไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ยังได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาการรถไฟ คือ 1.ลดต้นทุนด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ต่อจีดีพี 2.เปลี่ยนวิธีการเดินทางของประชาชนจากรถมาใช้รถไฟมากขึ้น 3.ชักชวนให้ผู้ประกอบการหันมาขนส่งด้วยรถไฟมากขึ้น 4.เพิ่มสัดส่วนผู้โดยสาร 5.เพิ่มความเร็วเฉลี่ยของรถไฟไทย 6.สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่น เช่น สนามบิน ท่าเรือ เป็นต้น
นายธีรัตถ์ กล่าวว่า ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยมีจุดมุ่งหมายให้เป็นโครงข่ายคมนาคมหลักของประเทศในราคาที่เหมาะสม รวมถึงให้มีการพัฒนาการบริการแบบครบวงจรด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น TCDC โดยจะใช้สถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นต้นแบบในการพัฒนา นอกจากนี้ได้เสนอแนวทางการพัฒนาการรถไฟแห่งประเทศไทยใน 4 ด้าน คือ 1.สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบรถไฟไทย 2.พัฒนาบริการเพื่อผู้โดยสาร 3.บริหารทรัพยากรของรถไฟที่มีอยู่ และ 4.พัฒนาบุคลากรของการรถไฟให้พร้อมรองรับการขยายตัวของรถไฟในอนาคต ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง เพื่อสร้างต้นแบบในการพัฒนารถไฟและการบริหารสินทรัพย์ของรถไฟ
นายธีรัตถ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมบนรถไฟได้สรุปว่าจะเลือกเส้นทางรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และแอร์พอร์ตลิงค์ มาพัฒนาเป็นต้นแบบของรถไฟทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารพื้นที่สถานี จุดเชื่อมต่อ การออกแบบ การให้บริการทั้งบนชานชาลาและในรถไฟ นอกจากนี้ยังมีมติให้นำพื้นที่ของการรถไฟที่มีอยู่ เช่น พื้นที่มักกะสัน และที่ดินริมแม่น้ำ เพื่อหาทางล้างหนี้และภาระขาดทุนสะสมให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทในเบื้องต้นนั้น จะมีความยาวเส้นทางรวม 1,447 กิโลเมตร ผ่าน 24 จังหวัด มีเที่ยวรถไฟให้บริการกว่า 200 เที่ยวต่อวัน ให้บริการผู้โดยสารได้กว่า 40 ล้านคนต่อปี และยังมีการพัฒนารถไฟรางคู่ทั่วประเทศ โดยจะพัฒนาระบบรถไฟเดิมของไทยทั้งหมดให้เป็นรางคู่ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศ รวมถึงการสร้างรถไฟทางคู่ใหม่อีก 3 เส้นทางคือ เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เส้นทางบ้านไผ่-มุกดาหาร และเส้นทางภาชี-นครหลวง
วันที่ 9/08/2556 เวลา 5:08 น.