พม่า (16-25 ก.ค.56)
นักสิทธิชายรักชายเตรียมยื่นฟ้องตำรวจมัณฑะเลย์ ข้อหาละเมิดสิทธิชายรักชาย
นักสิทธิมนุษยชนชายรักชายของพม่าเตรียมที่จะยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจใน มัณฑะเลย์ ในสัปดาห์หน้า หลังจากที่ปฏิบัติไม่ดีต่อผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นกลุ่มชายรักชายที่ถูกจับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่า ปฏิบัติและใช้ถ้อยคำในเชิงดูถูกและล้อเลียนกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน รวมไปถึงบังคับให้สาวประเภทสองเซ็นในเอกสารว่าจะไม่แต่งเป็นหญิงอีก
นายอ่องเมียวมิน ผู้อำนวยการกลุ่ม Equality Myanmar ซึ่งเป็นกลุ่มที่รณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงสิทธิกลุ่มคนรักเพศเดียวกันได้ออกมาเปิดเผยว่า เตรียมที่จะยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจในสัปดาห์หน้า โดยนายอ่องเมียวมินกล่าวว่า เหตุที่ต้องออกมายื่นฟ้องครั้งนี้ เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติไม่ดีต่อผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นกลุ่มชายรักชาย ซึ่งนายอ่องเมียวมินยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจนั้นปฏิบัติหน้าที่เกินความรับผิดชอบ และการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อผู้ต้องขังนั้นได้กลายเป็นกฎหมายที่ปฏิบัติกัน มาโดยผู้มีอำนาจทั่วประเทศ
“หากศาลรับคำฟ้อง นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ประเทศยังมีหลักนิติธรรม ผู้ต้องขังหลายคน ไม่เฉพาะแค่กลุ่มชายรักชายเท่านั้นที่ต้องโดนละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเจ้า หน้าที่ตำรวจ การกระทำเช่นนี้ สร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่ การกระทำเช่นนี้ควรที่จะหยุด” นายอ่องเมียวมินกล่าว
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มคนรักเพศเดียวกันจำนวน 12 คนถูกจับพื้นที่ซึ่งใกล้ๆกับโรงแรมมัณฑะเลย์ เซโดนา ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ และมักเป็นจุดนัดพบของกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน โดยในวันเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวจำนวน 12 คน
หนึ่งในผู้ถูกจับได้เปิดเผยกับสำนักข่าวอิรวดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า หลังถูกจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับให้พวกเขาทำท่ากระโดดเหมือนกบและบังคับให้ทำท่าทาง เดินแบบ และหลังจากนั้นพวกเขาถูกกุมขังเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจับกุมพวกเขาในข้อหาอะไร แต่ภายหลังทั้งหมดถูกบังคับให้เซ็นในเอกสารว่าจะไม่แต่งเป็นหญิงอีก และจะไม่รวมตัวกันอีกใกล้กับในพื้นที่ที่ถูกจับ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อผู้ต้องขังและได้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยยังอ้างว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า กลุ่มชายรักชายเหล่านี้ได้สร้างความรำคาญให้กับผู้ที่ไปพักผ่อนในบริเวณนี้ อยู่ประจำ
แหล่งที่มา : salweennews.org
รัฐมนตรีพม่าเผย เด็กราว 40 เปอร์เซ็นต์ในประเทศเสียชีวิตเพราะขาดสารอาหาร
ดร.พี เทต ข่าย จากกระทรวงกระสาธารณสุขของพม่าเปิดเผยต่อรัฐสภาพม่าเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า โรคขาดสารอาหารเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กในพม่าราว 40 เปอร์เซ็นต์ต้องเสียชีวิต
“โรคสามารถเข้าสู่ร่างกายเด็กได้อย่างง่าย ดาย เพราะขาดสารอาหาร พวกเขาอาจถึงตายได้ โดยที่ร่างกายไม่ต่อต้านเมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย” ดร.พี เทต ข่าย กล่าวและ ผู้หญิง 60 เปอร์เซ็นต์ในประเทศที่เสียชีวิตจากการสูญเสียเลือดพบว่าเป็นโรคขาดสารอาหาร
ทั้งนี้ข้อมูลจากดร.พี เทต ข่าย เผยให้เห็นว่า สุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนและชานเมือง ซึ่งคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในพม่านั้นพบว่า มีสุขภาพที่อ่อนแอ โดยดร.พี เทต ข่าย เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาของพม่าเร่งทำงานเพื่อลดช่องว่างมาตรฐานด้านสุขภาพ ระหว่างคนกรุงและชาวบ้านที่อยู่ในเขตชนบท
ดร.พี เทต ข่าย กล่าวว่า การเป็นหรือไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร ไม่ใช่แค่เรื่องของส่วนบุคคลคนใดคนหนึ่ง แต่กระทบถึงเศรษฐกิจและการศึกษาภายในประเทศ ทั้งนี้ ดร.พี เทต ข่าย ได้ต่อต้านการขาดสารอาหารในเด็กโดยการร่วมกับกลุ่ม Scaling up Nutrition (SUN) ขณะที่งบประมาณประจำปี 2556-2557 นี้ รัฐสภาของพม่าเห็นชอบที่จะทุ่มงบจำนวน 5 พันล้านจั๊ตให้กับกระทรวงสาธารณสุขของพม่า
ขณะที่ องค์การยูนิเซฟเปิดเผยจากรายงานที่ใช้เวลาในการสำรวจเป็นระยะเวลา 3 ปีพบว่า มีเด็กจำนวน 2.5 ล้านคนทั่วโลกที่เติบโตต่ำกว่าเกณฑ์เนื่องจากขาดสารอาหาร และมีเด็กจำนวน 2 แสนคนที่ต้องเสียชีวิตลงเนื่องจากโรคขาดสารอาหาร
แหล่งที่มา : salweennews.org