“บีเอ็นไอ” ลั่นโกยรายได้สิ้นปี 3 พันล้าน
นายกลกิตติ์ เถลิงนวชาติ ประธานอำนวยการบริษัท บีเอ็นไอ (ประเทศไทย) จำกัด คือ องค์กรมืออาชีพที่เป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการเพื่อช่วยสร้างธุรกิจซึ่งกันและกันภายในกลุ่ม ผ่านรูปแบบการตลาดแบบบอกต่อ หรือระบบการแนะนำโอกาสธุรกิจ (Referral Marketing) แต่ละกลุ่มจะประกอบไปด้วยสายธุรกิจที่หลากหลาย และมีเพียง 1 สมาชิก ต่อ 1 อาชีพ หรือธุรกิจ ต่อ 1 กลุ่มเท่านั้นเพื่อป้องกันการแข่งขันภายในกลุ่มเปิดเผยว่า บีเอ็นไอ ก่อตั้งมาเป็นเวลา 29 ปี ปัจจุบันเรามีผู้ประกอบการถึง 150,000 รายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศไทย เราสามารถสร้างยอดธุรกิจได้ถึง 860 ล้านบาทจากผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ ประมาณ 380 คน ซึ่งแบ่งเป็น 15 กลุ่มธุรกิจและในปีนี้เพียง 5 เดือน เราสามารถสร้างยอดแก่ผู้ประกอบการไทยในบีเอ็นไอถึง 650 ล้านบาท นอกจากนี้ ได้มีการขยายกลุ่มบีเอ็นไอในประเทศไทยไปยังจังหวัดหัวเมืองเศรษฐกิจทั้ง 4 ภาค ได้แก่ พัทยา, โคราช, ภูเก็ต และเชียงใหม่ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงนักธุรกิจและสร้างมูลค่าการค้าในกลุ่มบีเอ็นไอในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ถือเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่งตามที่เราได้ตั้งเป้าไว้ พร้อมดันกลุ่มผู้ประกอบการในไทยสร้างยอดมูลค่าทางธุรกิจรวมถึง 3,000 ล้านบาทภายในปีนี้
สำหรับตลาด AEC นั้น ประเทศไทยเราได้เปรียบกว่ามาก เราถือเป็นประตูสู่ AEC เพราะเรามีทำเลที่ตั้งที่ดี ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล เราเป็นศูนย์กลางในการขนส่ง เดินทาง ซ่อมบำรุง ที่พัก อาหาร อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่ความได้เปรียบทางธุรกิจด้านสุขภาพ ความงาม การบริการ รวมถึงเป็นแหล่งที่พัก ไม่ว่าในระยะสั้นหรือระยะยาวของทุกคนทุกประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนนี้ ซึ่งข้อดีทั้งหมดนี้จะช่วยเอื้ออย่างมาก ทำให้ธุรกิจไหลเวียนคล่องตัว เกิดการตื่นตัวขยับขยาย อันเป็นโอกาสดีที่กลุ่มเจ้าของธุรกิจบีเอ็นไอในประเทศไทยได้รับประโยชน์โดยตรงและต่อเนื่องอย่างแน่นอน
“ผมมั่นใจว่าต่อไป อาเซียนจะกลายเป็นภูมิภาคที่มีขนาดตลาดธุรกิจใหญ่ที่สุดของบีเอ็นไอ เพราะตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกาซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กำลังซื้อ การค้า และการลงทุนในกลุ่มเอเชียขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด เราในฐานะกลุ่มประเทศในอาเซียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดเอเชียจะเติบโตได้ดี”
โดยเฉพาะทางกลุ่มธุรกิจที่เป็นสมาชิกบีเอ็นไอประเทศไทยนั้น ได้รับการติดต่อและทำงานกับผู้ประกอบการในประเทศสมาชิก AEC อยู่แล้วภายใต้ขอบข่ายการดำเนินงาน 3 ด้านของบีเอ็นไอ คือ 1.การแลกเปลี่ยนและให้ความรู้ที่จากนักธุรกิจฝั่งไทยและจากประเทศสมาชิก AEC ซึ่งรวมถึงเรื่องคอนเนคชั่นและสายสัมพันธ์ที่ดี 2.มีระบบการบริหารสังคมนักธุรกิจทั้งจากไทยและต่างชาติ และ 3.เรามีระบบติดตามวัดผลลัพธ์ของกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานและรวดเร็วโดย เรามี BNI Connect Global ระบบออนไลน์ที่เชื่อมโยงนักธุรกิจไทยกับนักธุรกิจทั่วโลก สามารถแนะนำตัว ติดต่อประสานงานกันได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เรายังคอยเน้นเรื่องสายสัมพันธ์ที่แข็งแรงระหว่างสมาชิกอยู่เสมอ เพราะเปรียบเหมือนเกราะป้องกันคู่แข่งจาก AEC ไม่ให้เจาะเราได้ง่ายๆ จึงกล่าวได้ว่า เราพร้อมมากแล้วสำหรับ AEC ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นายกลกิตติ์ กล่าวต่อว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้บีเอ็นไอประสบความสำเร็จ นั่นคือปรัชญา “Givers Gain” เราสร้างวัฒนธรรม “ผู้ให้คือผู้ได้รับ” ให้แก่องค์กร เมื่อเราคิดช่วยเหลือคนรอบข้าง คนรอบข้างก็จะดูแลเราเช่นกัน ทั้งนี้ในช่วงวันที่ 8-9 ส.ค.นี้ ทางบีเอ็นไอ ประเทศไทย ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ BNI ASEAN National Conference ภายใต้หัวข้อ เพิ่มลูกค้าและผลลัพธ์ด้วย การทำงานเป็นทีมอย่างไร ที่คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ซึ่งงานจะรวมนักธุรกิจชาวไทย และนักธุรกิจชาวต่างชาติจากอีก 10 ประเทศในอาเซียนกว่า 1,000 คนมารวมตัวกันแลกเปลี่ยนช่องทางธุรกิจแก่กัน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมากที่จะได้ต่อยอดธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทย
วันที่ 22/07/2556 เวลา 22:04 น.