ม็อบปิดกลาโหม ปูหนีวุ่นเผ่นเข้ากระทรวง
“นายกฯ ปู” เหยียบกลาโหมวันแรกป่วน เจอม็อบขาประจำฮือขวาง ต้องเลิกสักการะศาลหลักเมือง รุดเข้ากลาโหมทันที ปลื้มกองทัพต้อนรับอบอุ่น-จัดพิธีสมเกียรติ ก่อนร่วมโต๊ะหม่ำมื้อเที่ยง ยาหอมหนุนกองทัพทำงานทุกภารกิจ รับปากไม่จุ้นโผทหาร ให้โอกาสบิ๊กอ๊อดทำงานต่อ ชี้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ เชื่อกองทัพไม่ระแวงคลิปโฉ่ ขณะที่ “บิ๊กอ๊อด” ยืนหน้าเครียดยิ้มแหยๆ ด้าน “บิ๊กเหล่าทัพ” นิ่งจุดยืนคลิปโฉ่ “ผบ.สส.” โบ้ยรู้ๆ กันอยู่ ส่วน “บิ๊กตู่” บอกบิ๊กอ็อดไม่ต้องกังวลคลิปโฉ่ ยันเหล่าทัพมั่นคง-ไม่หวั่นไหว ปัดซูเอี๋ยแม้วช่วยกลับไทย ชี้ทุกอย่างต้องทำตาม กม. วอนม็อบเลิกร้องปฏิวัติ ชี้ดึงทหารแก้ปัญหาครั้งนี้นองเลือดแน่ ส่วน “เฉลิม” ร่างบทวิเคราะห์คลิปเสียงฉาว 9 หน้า ฟันธงตัดต่อจ้องทำลายรัฐบาล แนะบิ๊กอ๊อดไม่ต้องลาออก เชื่อนายกฯ ไม่แตะโผ ไร้ปฏิวัติ ด้าน “ส.ส.แดง” รับลูกโอ๊คคลิปเสียงแม้วของจริง เชื่อบิ๊กอ๊อดอัดเสียงหวังแบล็กเมล์-เป็นไส้ศึก จี้ลาออก หนุน “พล.อ.พิศาล” อดีตแม่ทัพภาค 4 เสียบ รมช.กลาโหมแทน
ม็อบฮือล้อมกลาโหมขวาง “ปู-อ๊อด”
เมื่อวันที่ 11 ก.ค.56 เวลา 08.00 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชนไทย พร้อมด้วย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติรักษาแผ่นดิน น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ แกนนำองค์การพิทักษ์สยาม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน และกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน พร้อมรถขยายเสียง เดินทางมาชุมนุมบริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อต่อต้านการเข้ามาคุมอำนาจกองทัพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม หลังมีการเผยแพร่คลิปเสียงคล้ายเสียงสนทนากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และขัดขวางไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เข้ามาทำพิธีภายในกระทรวงกลาโหม โดยแกนนำได้มีการสลับกันขึ้นปราศรัยโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยนายไชยวัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญในการชุมนุมวันนี้คือต่อต้านบุคคล 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับคลิปเสียง คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยจะขัดขวางไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ เข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งในวันนี้ แต่ยืนยันว่าจะชุมนุมอย่างสงบสันติ ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่อย่าขัดขวาง แต่หากสถานการณ์ยกระดับก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 ในฐานะโฆษกกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รักษาแผ่นดิน ที่จะดูแลผู้ชุมนุม ส่วนการมาสมทบของกลุ่มอื่นๆ เช่น กลุ่มหน้ากากขาว เสื้อหลากสี นั้นยังไม่สามารถประเมินจำนวนผู้ชุมนุมได้
จี้กองทัพแสดงจุดยืน
ขณะที่ น.พ.ตุลย์ กล่าวว่า การแสดงออกวันนี้เป็นการมารวมตัวของหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับคณะรัฐมนตรี ที่นายกรัฐมนตรีมาควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ถือเป็นความพยายามที่จะแทรกแซงกองทัพ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารช่วงปลายปี ทั้งนี้ตนไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองครอบงำกองทัพอย่างเด็ดขาด สิ่งที่เกิดขึ้นในคลิปเสียงคงทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีการสูญเสีย และบาดเจ็บในเหตุการณ์ 10 เม.ย.53 เกิดความไม่สบายใจ ดังนั้นผู้นำเหล่าทัพต้องแสดงจุดยืนว่ากองทัพไม่ได้ถูกการเมืองครอบงำ และให้เลือกว่าจะเป็นกองทัพของพระมหากษัตริย์ หรือกองทัพของนักการเมือง และต้องขัดขวางไม่ให้มีการแปลงเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ในสภากลาโหมอย่างเด็ดขาด ส่วนตนนั้นไม่ได้ต้องการขัดขวางการเดินทางเข้ารับตำแหน่งของ รมว.กลาโหมแต่อย่างใด
ตร. 9 กองร้อยคุมเข้ม
สำหรับการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบกระทรวงกลาโหมเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน สนธิกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ถึงนครบาล 8 จำนวน 6 กองร้อย และสารวัตรทหาร 3 กองร้อย รวม 9 กองร้อย ทั้งหมด 1,350 นาย โดยได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าออก ห้ามผู้ชุมนุมเข้ามาภายในกระทรวงกลาโหมอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ เบื้องต้นทีมรักษาความปลอดภัยได้วางแผนนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และ ผบ.เหล่าทัพเข้าทางด้านหลังกระทรวงกลาโหม
“ปู” ถึง กห. งดสักการะศาลหลักเมือง
จากนั้นเวลา 11.09 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหมได้เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อประกอบพิธีเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยกเลิกกำหนดการเข้าสักการะศาลหลักเมืองตามขั้นตอนประเพณีการปฏิบัติการเข้ารับตำแหน่งของ รมว.กลาโหม โดยได้เข้ามาสักการะเจ้าพ่อหอกลองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในกระทรวงกลาโหมแทน โดยมีพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และคณะนายทหารระดับสูงเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง โดยทางกระทรวงกลาโหมได้จัดการสวนสนามจากกองทหารเกียรติยศผสม เพื่อต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างสมเกียรติ จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ รมช.กลาโหม ปลัดกระทรวง ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการทำงาน สำหรับรายการอาหารมื้อกลางวัน ที่รับประทานร่วมกันนั้น ได้แก่ แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ปลากระพงทอดราดน้ำปลา ผัดโป๊ยเซียน น้ำพริกอ่อง พร้อมผัก ทอดมันปลากราย เป็ดย่าง แกงจืดซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน ไข่เจียว ข้าวและไอศกรีม ซึ่งถือเป็นอาหารมื้อแรกในการเลี้ยงต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะรมว.กลาโหมที่เดินทางเข้ามาทำงานภายในกระทรวงกลาโหมครั้งแรกอย่างเป็นทางการ
ม็อบขวางขบวนปูเข้ากลาโหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น เวลา 10.00 น. นายไชยวัฒน์ ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดกระจายตัวปิดทางเข้ารอบกระทรวงกลาโหมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อขัดขวาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าไปทำพิธีภายในกระทรวงกลาโหม ทำให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่เดินทางมาดูแลสถานการณ์ด้วยตัวเองต้องสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเส้นทางถนนด้านข้างกระทรวงกลาโหมที่ขบวนรถนายกรัฐมนตรีจะใช้เส้นทางเข้าถนนคู่ขนานด้านประตูหน้า เพื่อเข้าร่วมพิธีรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดยระหว่างที่ขบวนรถของนายกรัฐมนตรีผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ส่วนรมช.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ ได้ใช้ประตูหลังเข้ากระทรวงกลาโหม เพื่อมารอต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ภายในกระทรวงกลาโหม
ปลื้มทหารต้อนรับอบอุ่น
ต่อมาเวลา 13.00 น. ภายหลังเสร็จพิธีต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงข่าวพร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ และ ผบ.เหล่าทัพ ยืนอยู่เบื้องหลัง โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพเพื่อมอบนโยบายกับกระทรวงกลาโหม โดยมีการพูดคุย และได้รับการตอนรับที่อบอุ่นจากกองทัพ ตนเองขอยืนยันในฐานะ รมว.กลาโหม และรัฐบาลที่ทำงานร่วมกับกองทัพมา 2 ปีว่า รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างสูงสุดต่อการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนเป็นหลัก โดยเราจะยึดถือปฏิบัติตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา รวมถึงการปฏิบัติตามแนวทางแห่งรัฐที่ได้กำหนดไว้ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงร่วมกันสนับสนุนและเผยแพร่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการพระราชกรณียกิจ และพระบรมราโชวาทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่กระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเรื่องความมั่นคง และเป็นเสาหลักในการค้ำจุนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และป้องกันประชาธิปไตย เพื่อความผาสุกของประชาชน ตนได้ยืนยันกับกองทัพว่า เราจะร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น อย่างเต็มศักยภาพ ตนได้ยืนยันกับที่ประชุมและกองทัพว่า มีความตั้งใจเข้ามาทำงาน เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนการทำงานของกระทรวงกลาโหม ให้เดินไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ พร้อมร่วมผลักดันและแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือลดอุปสรรคในการทำงาน และในฐานะที่อยู่ในส่วนของรัฐบาล จะมีการบูรณาการกับกองทัพให้เกิดเอกภาพ และการทำให้ราบรื่น ตนอยากเห็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยรวดเร็ว เช่น การแก้ปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยาเสพติด ปัญหาก่อการร้าย ยาเสพติด และปัญหาการลักลอบเข้าเมือง สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะร่วมมือทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้การแก้ปัญหาสำเร็จเป็นรูปธรรม
ลั่นพร้อมหนุนกองทัพทำงาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า “ขอให้กองทัพทำงานร่วมกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเตรียมกำลังพลให้เพียงพอ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป ว่า ในอนาคตเราหากเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เราจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างไร ตนได้ฝากในที่ประชุมให้ดูแลเรื่องความสงบตามแนวชายแดน ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง ส่วนปัญหาชายแดนภาคใต้ จะมีการร่วมกันบูรณาการงานของรัฐบาล กอ.รมน. และงานด้านความมั่นคง และร่วมกันทำแผนพัฒนาเพื่อให้เกิดการสร้างเสริมเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ส่วนการทำงานเพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ รัฐบาลยินดีจะดูแลในการสร้างขวัญและกำลังใจของกำลังพลทุกระดับชั้นของกองทัพ โดยเฉพาะนายทหารชั้นประทวน ทหารผ่านศึก และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยง ดิฉันมีความยินดีให้การสนับสนุนกองทัพ ทั้งในฐานะ รมว.กลาโหม และ รัฐบาล เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ลดอุปสรรค เพื่อให้บรรยากาศของกองทัพเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อประโยชน์สูงสุด ส่วนเหตุผลที่ตนต้องมานั่งควบตำแหน่งรมว.กลาโหมนั้น ไม่ได้มีอะไร เพียงแค่เราอยากจะร่วมมือกันทำงาน และสนับสนุนให้เต็มที่มากกว่า นี่คือประเด็นและเจตนารมณ์ ส่วนแนวความคิดในการปรับย้ายทหารประจำปีนั้น ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของสภากลาโหม ที่จะพิจารณาดูแลและสนับสนุนให้ความเป็นธรรม รวมถึงให้โอกาสผู้ที่ทำงาน ยืนยันว่าไม่มีการล้วงลูกโผทหาร เพราะเราทำงานร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพมา 2 ปีแล้ว คงจะทราบกันดี และในฐานะ รมว.กลาโหม ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้งานไม่ราบรื่น เพราะเราอยากเห็นการทำงานที่มีความสามัคคีและราบรื่น เราเล็งเห็นการทำงานให้เป็นรูปธรรม
ให้โอกาส “บิ๊กอ๊อด” พิสูจน์ผลงาน
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรียังไว้วางใจ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ส่วนกรณีคลิปเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ สนทนาพาดพิงเหล่าทัพนั้น ทุกอย่างจะต้องพิสูจน์ที่การทำงาน เชื่อว่าการทำงานของกองทัพ ทุกคนต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต่างคนต่างทราบภารกิจของตัวเอง ทั้งนี้ กองทัพจะให้โอกาสทำงานร่วมกัน ซึ่งได้ประกาศเจตนารมณ์แล้วว่า การที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งเพื่อต้องการเสริมการทำงานด้วยกัน ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคลิปดังกล่าวนั้น ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิสูจน์ และดำเนินการไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ ขอให้พิสูจน์ในเรื่องการทำงานจะดีกว่า เรามาดูเรื่องผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก เมื่อถามย้ำว่า จะต้องให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ย้อนถามสื่อมวลชนว่า “ไม่เกรงใจท่านบ้างเลยหรือ เพราะ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยืนอยู่ตรงนี้” เมื่อถามอีกว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง รมช.กลาโหมต่อไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การทำงานต่างๆ ต้องพิสูจน์ที่ผลงาน เราไม่สามารถบอกได้ว่าท่านไหนเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เมื่อถามว่า ผบ.เหล่าทัพจะหวาดระแวงในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หากกองทัพมีความหวาดระแวงคงหวาดระแวงไปนานแล้ว เชื่อว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะทำให้กองทัพไม่สบายใจ เราอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า
“บิ๊กอ๊อด” หน้าเครียด
ด้าน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน ที่พยายามถามถึงการประกาศจุดยืนของกองทัพต่อกรณีคลิปฉาวเพียงสั้นๆ ถึงกรณีที่ถูกพาดพิงว่า “ไม่เป็นไร รู้ๆ กันอยู่” อย่างไรก็ตาม พล.อ.ยุทธศักดิ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ปรากฏคลิปคล้ายเสียงสนทนากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนเหล่าบรรดา ผบ.เหล่าทัพมีสีหน้าที่เรียบเฉย
“ประยุทธ์” ยันเหล่าทัพมั่นคงไม่หวั่นไหว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า รมว.กลาโหม ไม่ว่าใครจะเป็นก็ต้องจัดพิธีให้สมเกียรติ เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในกระทรวงกลาโหม ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และนายกฯ ขอบคุณที่ให้เกียรติท่าน ทั้งนี้ไม่ว่า จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายการทำงานก็ไม่แตกต่างกันมากนัก วันนี้เราต้องหันหน้าเข้าหากันช่วยกันทำงาน ซึ่งนายกฯ ได้บอกกับ ผบ.เหล่าทัพว่า ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความรักความสามัคคี และขอบคุณเหล่าทัพที่ให้ความร่วมมือทำงานมาตลอด 2 ปี ส่วนเรื่องคลิปเสียงสนทนาที่มีเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหมนั้น ในที่ประชุมวันนี้ไม่ได้พูดถึง เป็นเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการต่อไป ผบ.เหล่าทัพยังมีความมั่นคงต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ไม่หวั่นไหวต่ออะไรทั้งสิ้น ถ้าเรามีเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ สิ่งที่เราทำทุกวันนี้อาจทำให้มีคนพอใจและไม่พอใจ ตนไม่สามารถบังคับให้ใครชอบหรือไม่ชอบได้ แต่ตนไม่สบายใจอยู่อย่างหนึ่งว่า เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น กองทัพบกจะถูกพาดพิงนำไปเกี่ยวข้องอยู่เสมอ แต่ทุกเหล่าทัพมีหลักการ มีวัฒนธรรมทางทหารอยู่ ทั้งหมดทะเลาะกันไม่ได้ เพราะเราต้องทำงานร่วมกัน เมื่อถามว่า คลิปเสียงดังกล่าวเหมือนกับว่า ผบ.เหล่าทัพเคยมีการตกลง และสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า ใครตกลงกับใคร ตนจะไปตกลงกับใครเขาได้ ต้องไปถามคนพูด ไม่ใช่มาถามตน ซึ่งตนขอพูดว่า ไม่มี แต่ตนเป็นเจ้าหน้าที่จะพูดอะไรได้หรือไม่ ยืนยันในการทำหน้าที่ของกองทัพบก ถ้าเราไม่ทำกองทัพให้เข้มแข็ง มองกองทัพในทางที่ไม่ไว้วางใจ กองทัพและประเทศชาติจะอยู่ไม่ได้ ถ้าดิสเครดิตไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งจะไม่เหลืออะไรอีกเลย และท่านจะไม่มีประเทศอยู่ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเคลียร์กับตนนั้น จะมาเคลียร์กับตนได้อย่างไร ตนไม่ใช่ศาล ลองไปถามผู้ร้ายว่าเคลียร์กับตนได้หรือไม่ ทุกอย่างต้องเป็นกฎหมาย วันนี้อยู่ด้วยกฎหมาย กติกา กองทัพมีวินัย ไม่สามารถทำตามใจชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ได้ ทำตามอารมณ์หรือความอยากไม่ได้ ทุกอย่างคือ กฎหมาย ตนไม่ใช่พระเอก ขอแค่ไม่เป็นผู้ร้ายก็พอ
วอนม็อบเลิกร้องทหารปฏิวัติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำรับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ วันนี้ตนยังมองท่าน และท่านยังมองตนดีอยู่ ทั้งนี้คนเราต้องให้โอกาสทำงาน และแสดงความรู้สึกร่วมกัน ถ้าเราสะกิดและเกากันอยู่ไม่เกิดประโยชน์อะไร และเสียเวลากับคำถามที่ตอบยาก ส่วนความรู้สึกไม่ดี และไม่เคยเกิด แต่อาจจะเกิดตอนที่สื่อถาม ตนจึงพยายามไม่ให้ความสนใจเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องคน 2 คนที่พูดกัน ส่วนคลิปดังกล่าวจะเป็นของจริงหรือตัดต่อนั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่นักเทคนิค ต้องถามคนที่ตรวจสอบ และตนไม่ได้ฟังคลิปเสียง อ่านแต่เพียงสื่อ อย่าไปกังวล เพราะมีเรื่องอีกเยอะที่ต้องกังวล ส่วนที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ออกมาปฏิวัติ อย่านำทหารมาแก้ปัญหาทุกเรื่อง เรามีประสบการณ์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีการปฏิวัติมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ต้องทบทวนว่า ทุกประเทศแก้ปัญหาโดยใช้องค์กรภายในประเทศมาแก้ปัญหา ไม่มีประเทศไหนบอกให้นำทหารออกมาแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่า กองทัพปัดความรับผิดชอบ แต่อยากให้ทุกคนช่วยสร้างให้องค์กรต่างๆ และส่วนราชการมีความเข้มแข็ง ให้กำลังใจ วันนี้ต้องสร้างพลเรือน ตำรวจ ทหาร องค์กรอิสระ และศาลให้เข้มแข็ง มีสติ มีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกันที่ดี ถ้าสร้างให้สังคมที่มีความแตกแยกไปเรื่อยๆ มันจะกู่ไม่กลับ แล้วที่ท่านบอกว่าอยากให้ทหารออกมาดูแล ถามว่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพราะท่านคงนึกไม่ถึง หากเกิดขึ้นครั้งหน้า ความรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน แล้วท่านจะร่วมรับผิดชอบกับผมหรือไม่ และไม่เกิดประโยชน์ที่เราจะล้มทุกอย่างในขณะนี้ เพราะทุกอย่างขณะนี้ยังมีทางแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด ยังไม่ถึงจุดสุดท้ายที่จะตายกันทั้งประเทศ ดังนั้นต้องดึงกลับมาและแก้ไขกันทีละเรื่อง ถ้าส่งเสริมให้ทุกคนกลับมาแก้ปัญหาได้ในแต่ละปัญหา เดี๋ยวก็แก้ได้ แต่ถ้าเรียกทหารออกมา ถือว่า แก้ปัญหาด้วยยาแรงอันเดียว ผมว่าบางทีมันแก้ไม่ได้ เพราะตอนนี้โรคเยอะ และเกิดขึ้นหลายโรค
“เฉลิม” เชื่อคลิปเสียงตัดต่อ
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ได้แจกบทวิเคราะห์คลิปเสียงดังฉาวความยาว 9 หน้า พร้อมเซ็นชื่อกำกับทุกหน้าเพื่อป้องกันการบิดเบือน พร้อมกล่าวว่า แม้จะเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จริงหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าฟังเนื้อหาสาระแล้ว น่าเชื่อว่ามีการตัดต่อเพื่อบิดเบือนสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสาร เพราะเนื้อหาบางตอนไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งตนเข้าใจว่า ผู้ตัดต่อและเผยแพร่คลิปออกมามุ่งหวังใส่ร้ายทางการเมือง อย่างที่เคยเตือนไว้ว่า การบริหารประเทศหลังจากนี้รัฐบาลจะเจอกับขวากหนาม ส่วนที่มีการสั่งให้มุบมิบดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านสภากลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้วแปลงเป็นพระราชกำหนด เพื่อพา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านโดยเร็ว ข้อกล่าวนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ต้องเข้าสภากลาโหม ไม่เกี่ยวกับสภาความมั่นคงฯ ทหารไม่มีอำนาจออกกฎหมายนิรโทษกรรม การออกกฎหมายเป็นอำนาจของสภา ทั้งนี้อยากฝากให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ไม่ต้องลาออก ให้อยู่ต่อไปยาวๆ ตนยินดีที่จะช่วยชี้แจงในสภา
พท.ตะเพิด “บิ๊กอ๊อด” พ้น ครม.
นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุคลิปเสียงในการสนทนาที่อ้างเป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม เป็นเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณจริงนั้น ถ้าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณจริง แสดงว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์เป็นผู้อัดเสียงไว้คงเป็นคนอื่นไปได้ยาก ถือว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ใช้ไม่ได้ มองว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์มีเจตนาสองอย่างคือ 1.เก็บไว้สร้างอำนาจต่อรองกับพ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี หรือพรรคเพื่อไทย 2.เป็นแผนของขั้วตรงข้ามรัฐบาลที่ส่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ มาวางแผนทำลายความชอบธรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก คนที่เป็นชายชาติทหาร กล้าทำก็ต้องกล้ารับ เพราะการทำเช่นนี้ถือว่าเป็นคนทรยศ หักหลัง หาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ไม่ลาออก ตนจะไปเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีให้ปลด พล.อ.ยุทธศักดิ์ออกจากตำแหน่ง ส่วนเนื้อหาในคลิปการสนทนาที่มีการพูดถึงเรื่องกองทัพนั้น เชื่อว่าคงไม่ทำให้ทหารเกิดความระแวงรัฐบาล เพราะนายกฯ ยังสามารถประสานกับผู้นำเหล่าทัพได้ และกองทัพก็ไม่ได้เสียหายอะไรจากเนื้อหาในคลิป ส่วนกระแสข่าวที่จะให้ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 มาเป็น รมช.กลาโหมแทนนั้น ตนก็เห็นด้วย ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเป็นคนที่เข้าใจว่าประเทศต้องเป็นประชาธิปไตย
ปชป.ยันคลิปเสียงของจริง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า คลิปดังกล่าวเป็นของจริง จริงทุกคำพูด จริงทุกตอน และที่ผ่านมานายกฯ เองก็บอกว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามขั้นตอนตรวจสอบเสียง และขณะนี้ไม่มีหน่วยงานใดในรัฐบาลที่จะกล้าเข้ามาตรวจสอบ เพราะไม่มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีให้ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีเข้ากระทรวงกลาโหม และร่วมรับประทานอาหารกับบรรดา ผบ.เหล่าทัพ และยืนยันว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย ยืนยันว่าจะไม่ใช้สภากลาโหมออกกฎหมายล้างผิดให้ใคร และขอให้อธิบายว่าเหตุใดจึงมีการพูดจาในลักษณะพาดพิงสถาบัน พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้คนเสื้อแดงเปิดคลิปดังกล่าวฟัง และขอให้ตอบตัวเองว่ามีเรื่องประชาธิปไตยอยากที่ใฝ่หา ลดความเหลื่อมล้ำ เหมือนที่พูดคุยกับคนเสื้อแดง ส่วนที่ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารกองทัพภาคที่ 3 ที่ออกมาเคลื่อนไหวที่หน้ากระทรวงกลาโหมในช่วงที่นายกฯ เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม แล้วถูกควบคุมตัวนั้น ตนอยากให้รัฐบาลได้เปิดโอกาสให้คนที่เขาแสดงออกตามประชาธิปไตยได้ใช้สิทธิ์อย่างเต็มที่ เพราะผืนดินนี้เป็นผืนดินไทยเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่แผ่นดินไทย เฉพาะกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลที่สามารถแสดงสิทธิ์เกินขอบเขตรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ และอยากให้นายกรัฐมนตรีได้ใช้จิตสำนึกในการดูแลประชาชนอย่างเท่าเทียมกันด้วย
วันที่ 12/07/2556 เวลา 6:46 น.