ตลท.ปรับเพิ่มเป้าซื้อขายหุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมปรับเป้ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในปีนี้ที่จากคาดไว้ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท/วัน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 6.6 หมื่นล้านบาท/วัน และมองว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เป็นจังหวะดีของภาคธุรกิจที่จะระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO
อย่างไรก็ตาม ก็ยอมรับว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ยังกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ในระยะนี้ แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดแล้ว บรรดากองทุนต่างประเทศก็จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นภายในเดือน ก.ค.นี้ ตลท.จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ตลท.พิจารณาปรับเพิ่มเป้ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 56 หลังจากช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยสูงถึงกว่า 6 หมื่นล้านบาท/วัน ถึงแม้ครึ่งปีหลังมูลค่าการซื้อขายจะชะลอตัวลงบ้างที่สะท้อนสภาพการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและปัจจัยต่างประเทศเปลี่ยนไป
ขณะที่ Fund Flow ที่ไหลออกในช่วงที่ผ่านมา เป็นแรงขายของกองทุนที่ต้องการดึงเงินกลับ แต่เชื่อว่าที่สุดแล้ว Fund Flow จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะการลงทุนในตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ จึงเชื่อว่าผู้จัดการกองทุนจะไม่ถือเงินสดเกินกว่า 12-18 เดือน อย่างไรก็ตาม Fund Flow จะกลับมาช้าหรือเร็วก็คงต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ ผู้จัดการ ตลท.ยอมรับว่า Fund Flow มีความสำคัญไม่หย่อนไม่กว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่จะมีผลช่วงสั้นต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ส่วนแผนดึงบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในครึ่งปีหลังยังสามารถดำเนินการได้ตามแผน โดยช่วงนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นมาสูงสุดในรอบ 17 ปี เป็นจังหวะที่ดีของบริษัทที่มีความจำเป็นต้องระดมทุนในตลาด
ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 กองทุน ซึ่งเป็นกองทุนในธุรกิจขนส่ง อีกแห่งเป็นธุรกิจไฟฟ้า นอกจากนี้ ธุรกิจโทรคมนาคม อยู่ระหว่างการยื่นขอจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) ทั้งนี้ เห็นว่าโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐหากต้องชะลอออกไปจะไม่กระทบกับการเสนอขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่รัฐบาลควรจะสร้างความชัดเจนเรื่องการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อเป็นการยกระดับการแข่งขันประเทศรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ขณะที่ไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอาเซียนได้ หาไม่แล้วประเทศอื่นจะแซงหน้าประเทศไทย
วันที่ 12/07/2556 เวลา 7:56 น.