ซีอีโอหญิง “วันดี” ปลื้มติด50อันดับเศรษฐีไทย
“ซีอีโอหญิงเก่ง-วันดี กุญชรยาคง” ปลื้มติดอันดับ 1 ใน 50 เศรษฐีเมืองไทย ภูมิใจเปิดมิติใหม่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าสำเร็จ เปิดประตูโลกไปสู่การพัฒนาพลังงานลม-น้ำอย่างกว้างขวาง ปลุกกระแสโลกหันมาใช้พลังสะอาด-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมและไม่วันหมดไปจากโลก ดีใจช่วยชาติมีความมั่นคงด้านพลังงาน ลั่นเดินหน้าพัฒนาต่อเพื่อสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจทุกมิติ-ทุกรูปแบบ
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือSPCGกล่าวรู้สึกภาคภูมิใจที่ประสบความสำเร็จจาการพัฒนาธุรกิจการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า จนได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ติด 1 ใน50อันดับเศรษฐีประเทศไทย ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้ทำให้บริษัทเราเป็นผู้นำการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทยและระดับอาเซียน ที่สำคัญยังส่งผลนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจใหม่ในด้านของการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าพลังน้ำ หรือพลังลม เพราะพลังงานเหล่านี้นอกจากเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีวันหมดไปจากโลกแล้ว ยังเป็นพลังสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความสำเร็จครั้งนี้ยังเป็นผลดีกับประเทศไทยชาติโดยรวม ทั้งด้านการลดมลภาวะ การลดการนำเข้าน้ำมัน ลดการใช้แก๊ส ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จทั้งในส่วนของตัวเองและเป็นผลดีต่อประเทศชาติด้วย
สำหรับจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้นั้น น.ส.วันดี บอกว่าเรื่องของความเชื่อและศรัทธาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะตัวเองเชื่อว่าจากการประสบการณ์การพัฒนาแสงอาทิตย์ทำให้มองเห็นโอกาส เห็นช่องทาง และมั่นใจว่าจะพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้สำเร็จ จึงได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมอย่างหนักและเต็มที่ แม้ต้องเผชิญอุปสรรคปัญหามากมายตลอดทางก็ไม่ได้ย้อท้อ เพราะเชื่อว่าเราจะทำได้ ซึ่งหลังจากฟันฝ่าอุสรรคมาได้และประสบความสำเร็จก็รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจ ซึ่งธุรกิจนี้จะเป็นโมเดลนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้อย่างกว้างขวางต่อไป
น.ส.วันดี กล่าวถึงอนาคตของบริษัทเอสพีซีจีฯด้วยว่า จะทุ่มเทแรงกายต่อไปเพื่อนำพาบริษัทให้เป็นผู้นำด้านการใช้พลังแสงอาทิตย์ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าในทุกมุม ทุกมิติและมีความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในทุกรูปแบบ ซึ่งเวลานี้ก็กำลังทุ่มเทให้กับการพัฒนาโซล่ารูฟ (Solar Rooftop)หรือการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านครัวเรือนทั่วไป และโรงงานภาคเอกชน ถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศไทย และสามารถสร้างความมั่นคงด้านการใช้พลังงานให้กับประเทศชาติอย่างอย่างยั่งยืนต่อไปได้ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทSPCGจำกัด (มหาชน) มีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งสิ้น36โครงการ รวมกำลังผลิตกว่า200เมกะวัตต์ เงินลงทุนกว่า2หมื่นล้านบาท โดยจะพัฒนาให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี2556ซึ่งโครงการทั้งหมดได้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งหมดแล้ว ขณะนี้โครงการได้มีการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เข้าระบบของ กฟภ.เรียบร้อยแล้ว 16 โครงการ และกำลังจะขายเพิ่มอีก 5 โครงการ และบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ของโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นต้นไป เป็นผลให้บริษัทมีโครงการโซลาร์ฟาร์มที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขณะนี้แล้วรวมทั้งสิ้น 21 โครงการ รวมกำลังการผลิต 137.17 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 2 โครงการ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง 13 โครงการ โดยทุกโครงการมีความคืบหน้าตามแผนการที่ได้วางไว้และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ตามกาหนดในปี 2556 นี้ สำหรับรายได้ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไปที่ 2.4 พันล้านบาท จากปี 2555 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท และคาดว่าเมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จในช่วงเดือนตุลาคม 2556 จะทำให้รายได้ในปีนี้เติบโตขึ้น
นอกจากนี้บริษัทเตรียมดำเนินการออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund : IFF)ขนาด 5,500 ล้านบาท ซึ่งได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว บริษัทคาดการณ์ว่า ก.ล.ต.จะอนุมัติให้เสนอขายกองทุนดังกล่าวได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2556 นี้ โดยบริษัทเตรียมนำโซลาร์ ฟาร์ม เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานรวม 7 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนในเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า คาดว่าจะทำโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยคาดว่าจะนำร่อง 1 โครงการก่อน งบลงทุนเบื้องต้นราว 200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะเริ่มเห็นการก่อสร้างแผนงานดังกล่าวในช่วงปลายปี 2556 นี้
วันที่ 4/07/2556 เวลา 15:22 น.