หวัง ครม.ปู 5 เร่งบูม ศก.

รัฐมนตรีใหม่เข้าทำงานสานต่อนโยบายรัฐบาล

เอกชนเรียกร้องให้ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภาพรวมที่ขณะนี้เริ่มชะลอตัวทุกด้าน หากไม่ทำอะไรเลย อาจจะเห็นจีดีพี และการส่งออกขยายตัวเพียง 3% ขณะที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจใหม่ กระทรวงการคลัง เข้ากระทรวง เร่งงานแรกกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านพาณิชย์ ดูเรื่องจำนำข้าวและปากท้องประชาชน ททท.ไม่น้อยหน้าเปิดกลยุทธ์ปี 57

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับ คณะรัฐมนตรีครั้งใหม่นี้ เป็นการส่งสัญญาณจากรัฐบาล ให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลเห็นปัญหาที่แท้จริงด้านเศรษฐกิจทั้งด้านเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ปัญหาการส่งออกที่ชะลอตัว ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว เงินบาทที่ผันผวน ซึ่งก่อนหน้านี้สภาผู้ส่งออกเคยคาดการณ์ว่า การส่งออกจะขยายตัวประมาณ 4.92% และจีดีพีของไทยจะอยู่ขยายตัวไม่ถึง 5% แต่จากที่ขณะนี้การส่งออกครึ่งปีหลังไม่สดใส เนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น ประเทศคู่ค้าหลัก ไม่สามารถฟื้นตัวได้ กำลังซื้อลดลง ดังนั้น การส่งออกทั้งปีอาจจะขยายตัว 3-4% และหากไม่ทำอะไรเลย จีดีพีของไทยอาจจะขยายตัวไม่ถึง 3%

“การปรับ ครม.มีการวางตัวรัฐมนตรีมาจากทางการเมืองที่เหมาะสม แต่เมื่อมาทำงานแล้วก็ต้องทำงานแก้ปัญหาทั้งเรื่องข้าว การส่งออกต้องแก้ไขโดยดูแบบบูรณาการกับเศรษฐกิจเสาหลักของประเทศ เช่น หากลงทุนโครงการ 2 ล้านล้านบาท ก็ไม่ควรกู้แล้วซื้อเทคโนโลยีเข้ามาอย่างเดียวควรเจรจาทำบราเทอร์เทรด เพื่อช่วยเรื่องการส่งออกด้วย”

นายนพพร กล่าวว่า สภาผู้ส่งออก อยู่ในระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ฯ ด้านการส่งออก เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง อย่างไรก็ตาม ปัญหาค่าเงินบาทในขณะนี้คือผันผวนอย่างหนัก ไทยไม่มีภูมิคุ้มกันใดๆ ขึ้นกับนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถตั้งราคาจำหน่ายได้ กระทบความสามารถด้านการแข่งขัน

ด้านนายรติดนัย หุ่นสวัสดิ์ ที่ปรึกษาโครงการดัชนีส่งออก สภาผู้ส่งออกฯ จากดัชนีส่งออกเดือน พ.ค. ที่ลดลงกว่าร้อยละ 5.25 กระทบหลักจากเงินบาทแข็งค่าในต้นเดือน พ.ค.จาก 29 บาท และอ่อนค่าเป็น 31 บาท/ดอลลาร์ สรอ.ในช่วงปลายเดือน โดยเงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 13 ปี ในขณะที่สหรัฐชะลอมาตรการคิวอี ซึ่งภาพรวมแล้วแม้การส่งออกช่วง 5 เดือนแรกจะเป็นบวก แต่ช่วงครึ่งหลังของปีจะต้องส่งออกต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้น การส่งออกของไทยอาจจะขยายตัวเพียง 3% จากคาดการณ์เดิม 4.92%

O รมช.คลังเร่งปั่น ศก.

นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง กล่าวภายหลังการเข้าทำงานที่กระทรวงการคลังวันแรกในช่วงเช้าว่า ได้รับการทาบทามให้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมช.คลัง เมื่อวันอังคารที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา และได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย. การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ นโยบายแรกที่จะดำเนินการคือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล และการบูรณาการในภาพกว้าง เชื่อว่าการที่ตนเองเป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงและผ่านงานมาทุกกรม จะทำให้เห็นภาพกว้างมากขึ้น และน่าเป็นประโยชน์กับกระทรวงการคลัง

ส่วนการแบ่งงานภายในกระทรวงการคลัง จะได้ดูแลหน่วยงานใด ยังไม่ได้หารือร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แต่ยืนยันว่า การทำงานจะตรงไปตรงมา ว่าไปตามถูกผิด โดยเฉพาะเรื่องการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และการเลี่ยงภาษีจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มถือเป็นการโกงชาติ หากได้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้จะปราบปรามการทุจริตภาษีอย่างเข้มงวด และอุดช่องโหว่รอยรั่วที่เกิดขึ้น

สำหรับการลาออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากรก่อนกำหนด ทำให้มีตำแหน่งระดับผู้บริหารว่างลง 1 ตำแหน่ง จะเป็นแรงกดดันต่อการปรับตำแหน่งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังหรือไม่ นางเบญจา กล่าวว่า คงไม่กดดันอะไร เพราะตนจะเกษียณอายุราชการในปีนี้อยู่แล้ว ดังนั้นการโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ และเชื่อว่าไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกับข้าราชการ เพราะมีความคุ้นเคยกับข้าราชการกระทรวงการคลังดีอยู่แล้ว.

O “พาณิชย์” เร่งงานจำนำข้าว

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ พร้อมด้วยนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเข้าทำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี หลังจากนั้นเข้าห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ เพื่อพบปะผู้บริหารระดับสูง

โดยนายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ยังไม่มีการมอบนโยบายอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรีบเดินทางไปเข้าร่วมประชุม กขช. ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยตนจะนำประสบการณ์ที่ผ่านมาบริหารงานอย่างเต็มความสามารถด้วยความรอบคอบและซื่อสัตย์ รวมทั้งลบข้อครหาการทุจริตให้หายไป รวมทั้งนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนปัญหาเร่งด่วนที่จะเร่งดำเนินการคือ การแก้ปัญหาในโครงการรับจำนำข้าว โดยต้องให้ราคาข้าวอยู่ในระดับราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และเกษตรกรจะต้องขายข้าวได้ในราคาดี รวมถึงการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีต้นทุนต่ำสุดในทุกด้าน และลดการรั่วไหลขณะที่แผนการระบายข้าวและเพดานการรับจำนำจะมีการหารือในที่ ประชุม กขช.ในวันนี้ ซึ่งตั้งเป้าจะต้องขายข้าวให้ได้เร็วที่สุด มากที่สุด และราคาดีที่สุด และไม่หนักใจที่ได้เข้ามาบริหารงานในกระทรวงพาณิชย์ในสถานการณ์ขณะนี้ เนื่องจากมองว่า ในการทำงานในทุกที่ย่อมมีปัญหาและอุปสรรค ซึ่งตนพร้อมจะร่วมมือกันเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้

ด้านนายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวยังต้องดำเนินการต่อไป แต่หากจะมีการปรับลดราคารับจำนำลงเหลือ 12,000 บาทต่อตัน จะต้องมีการแจ้งให้เกษตรกรได้ทราบล่วงหน้า ซึ่งเชื่อว่าเกษตรกรจะรับราคารับจำนำนี้ได้

ส่วนแผนการระบายข้าว ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศไปจัดทำแผนการระบายข้าว โดยตั้งเป้าระบายในช่วง 3 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านตัน และทั้งปีให้ได้ 8-8.5 ล้านต้น รวมทั้งเน้นการระบายโดยให้เอกชนเข้ามาช่วยระบายข้าว พร้อมทั้งยืดหยุ่นการชำระเงินแก่ประเทศคู่ค้า พร้อมกันนี้อยากให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันทำงานแม้ว่าจะใกลhเกษียณอายุข้าราชการ แต่ช่วงเวลาที่เหลือ 3-4 เดือน ให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาโครงการรับจำนำข้าว เพื่อเป็นผลงานครั้งสุดท้ายในชีวิต

O ททท.เปิดแผนท่องเที่ยวปี 57

นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวการประชุมจัดทำแผนปฏิบัติการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2557 ว่า ในปี 2557 กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังคงมุ่งเน้นการวางมาตรการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จากปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นที่จะส่งผลกระทบถึงจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศ ดังนั้นการวางมาตรการเชิงรุกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยจะเร่งส่งเสริมให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อรักษาจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไว้ได้ นอกจากนี้ในส่วนเรื่องการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของ ภาครัฐและเอกชน ได้มอบหมายให้ ททท. เป็นผู้รับหน้าที่ดูแลในส่วนของการตลาดเร่งกระจายข้อมูลทางการตลาดสู่หน่วย งานต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรมให้มากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงานด้านการพัฒนาทั้งในระดับกระทรวงและระดับองค์กรการปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเชื่อว่านอกจากจะทำให้การทำงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ไปในทิศทางเดียวกันแล้วจะช่วยแก้ปัญหาอีกหลายอย่าง เช่น เรื่องของการเตรียมพร้อมเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

ด้านนายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า จากการประเมินในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หากไม่มีปัจจัยลบเกิดขึ้น คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวก็จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ 24.5 ล้านคน สำหรับปี 2557 จะยังคงดำเนินแผนต่อไป โดยยึดเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้ 2 ล้านล้านบาท สำหรับในเรื่องของ AEC ททท.จะมุ่งเน้นการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้ได้ มี 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.อาเซียนฟอร์อาเซียน และ 2.อาเซียนฟอร์ออล

 

 

 

 

 

วันที่ 2/07/2556 เวลา 10:00 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

228

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน