พม่า (19 – 23 เม.ย.56)
Human Rights Watch กล่าวหาเจ้าหน้าที่พม่าก่ออาชญากรรมและพยายามกวาดล้างชาวโรฮิงยาในรัฐยะไข่เมื่อปีที่แล้ว
รายงานของกลุ่ม Human Rights Watch ระบุว่าเจ้าหน้าที่พม่าได้พยายามขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงให้ออกจากรัฐยะไข่หลังจากเกิดความรุนแรงด้านเชื้อชาติขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
นายแมททิว สมิท นักวิจัยเรื่องพม่าของกลุ่ม Human Rights Watch ระบุว่า ไม่เพียงแต่รัฐบาลพม่าจะปล่อยให้พระสงฆ์และนักการเมืองหัวรุนแรงในรัฐยะไข่กระจายข่าวในทำนองต่อต้านมุสลิมโดยมิได้เข้าแทรกแซงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเองยังได้ทำลายสุเหร่าหลายแห่ง ปิดกั้นความช่วยเหลือจากต่างชาติที่ให้แก่ชาวมุสลิม และยังขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงจะให้ออกจากพื้นที่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ทหารของพม่าได้บุกรุกหมู่บ้านของชาวมุสลิมหลายแห่ง ยิงชาวบ้าน ปล้นชิงทรัพย์สิน และไล่จับชาวมุสลิมจำนวนมากโดยไม่เลือกเพศหรืออายุ ผู้ถูกจับกุมบางคนมีอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น
รายงานดังกล่าวซึ่งใช้ชื่อว่า “All You Can Do is Pray” หรือ “สิ่งที่พอทำได้คือการสวดภาวนา” จัดทำขึ้นโดยการสัมภาษณ์ชาวมุสลิมโรฮิงและชาวพุทธในรัฐยะไข่กว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง
เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งใหญ่ในรัฐยะไข่เมื่อปีที่แล้วนั้นเกิดขึ้น 2 ครั้งคือในเดือน มิถุนายน และ ตุลาคม โดยคาดว่ามีผู้เสียชีวิตราว 200 คนและไร้ถิ่นที่อยู่อีกกว่า 100,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม นอกจากนี้กลุ่ม Human Rights Watch บอกว่าพบหลักฐานชี้ว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในพม่ายังได้ขุดหลุมฝังศพขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 4 แห่ง ทำให้เชื่อว่าแท้จริงแล้วผู้เสียชีวิตอาจมีจำนวนมากกว่านั้น
นายฟิล โรเบิร์ทสัน รองผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของ Human Rights Watch เรียกร้องให้มีการสืบสวนโดยองค์กรระหว่างประเทศเพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลพม่าไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร
นอกจากนี้เขายังชี้ว่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ที่รับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงจะเข้าประเทศนั้น มีบทบาทสำคัญในการเจรจากับผู้นำรัฐบาลพม่าให้หยุดความรุนแรงและยอมรับชาวโรฮิงยาเป็นพลเมืองส่วนหนึ่งของพม่า โดยที่ผ่านมาอาเซียนค่อนข้างนิ่งเฉยต่อประเด็นเรื่องชาวโรฮิง นักสิทธิมนุษยชนผู้นี้ยังได้กระตุ้นให้อาเซียนทบทวนเสียใหม่ว่าพม่าเหมาะสมกับตำแหน่งประธานสมาคมอาเซียนในปีหน้าหรือไม่
ที่มา : voathai.com
EUยกเลิกคว่ำบาตรพม่า หลังเร่งปฏิรูป
สมาชิกสหภาพยุโรป หรือ EU เห็นพ้องยกเลิกการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดต่อพม่า ยกเว้นการค้าอาวุธ หลังเร่งปฏิรูป
นางแคเธอรีน แอชตัน ประธานฝ่ายนโยบายต่างประเทศ EU แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ EU ว่า การยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งด้านการเมือง และเศรษฐกิจ ยกเว้นเรื่องการค้าอาวุธต่อพม่าเกิดขึ้นแม้ว่า EU จะตระหนักดีว่าพม่ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกจำนวนมาก ทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย การต่อสู้กับความยากจน และการบรรลุเป้าหมายถึงการเป็นประเทศที่มีสันติภาพตลอดไป
EU ไม่ได้ประเมินความท้าทายดังกล่าวต่ำเกินไป แต่เชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่พม่า และ EU จะต้องมีการสายสัมพันธ์กันมากขึ้น และต้องให้ความช่วยเหลือพม่าเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งปัญหาต่างๆ ดังกล่าว สามารถจะแก้ไขให้ดีขึ้นในสังคมประชาธิปไตยแบบเปิด และ EU ก็หวังที่จะได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลพม่า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด
นางแอชตัน ย้ำด้วยว่า แม้พม่ายังต้องเผชิญกับความท้าทายจำนวนหนึ่ง แต่ประชาชนพม่าต้องการ และสมควรที่จะได้รับประชาธิปไตย สันติภาพ และโอกาส
ทั้งนี้ EUเห็นพ้องเมื่อปีที่แล้ว ที่จะระงับการคว่ำบาตรต่อพม่าเกือบทั้งหมด เพื่อขานรับต่อการดำเนินมาตรการปฏิรูปครั้งใหญ่ในพม่า นับแต่อดีตรัฐบาลทหารตัดสินใจวางมือจากการปกครองประเทศ ซึ่งการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับบริษัทยุโรป เข้าไปลงทุนในพม่าได้ง่ายมากขึ้นด้วย
ที่มา : bangkokbiznews.com