มาสด้า บีที-50 โปร นำร่องเปิดบ้าน “เมียนมาร์”
ปัจจุบันผู้คนในสังคมไทยจำนวนไม่น้อย หลังจากเมื่อตื่นนอนตอนเช้า มักหมกมุ่นอยู่การใช้โทรศัพท์ หรือกรอบหน้าจอสมาร์ทโฟน รวมถึงแท็บเล็ตแสดงความคิดเห็นส่วนตัวออกมา มีทั้งเป็นประโยชน์และไม่มีประโยชน์ คือเอามันเอาฮาก็ไม่น้อย
แม้สังคมอาจจะเป็นอะไรที่เข้าใจยาก แต่ “มาสด้า บีที 50 โปร” โดยบริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด ได้จัดทริปพาสื่อมวลชนเดินทางเปิดประตูเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างประเทศ “เมียนมาร์” หรือพม่า ซึ่งเพิ่งเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเยี่ยมชมวัฒนธรรม และสัมผัสแหล่งธรรมชาติที่สวยงามมากมาย โดยใช้รถ “มาสด้า บีที 50 โปร” แบบฟรีสไตล์ยกสูงและดับเบิ้ลแค็บ เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร กับ 3.2 ลิตร เป็นพาหนะนำเราไป-กลับทั้งหมด 12 คัน แบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกขับไปจากกรุงเทพฯ-มุ่งหน้าแม่สอด-เมียวดี-ผ่านเทือกเข้าถนนธงชัย-เมืองไจก์โท่พระธาตุอินแขวน-เดินทางต่อไปเมืองหงสาวดี-จบทริปแรกที่เมืองย่างกุ้ง จบการเดินทางของทริปแรก เพื่อส่งรถให้ให้กลุ่ม 2 ย้อนกลับเส้นทางเดิมกลับประเทศไทย โดยกลุ่มแรกบินกลับด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เช่นเดียวกับกลุ่ม 2 ที่เดินทางมากับสายการบินดังกล่าว ทริปเปิดประตูสู่เมียนมาร์ของ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย แบ่งสื่อมวลชนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะขับปิกอัพ “มาสด้า บีที-50 โปร” ทั้งฟรีสไตล์ (ยกสูง/Hi-Racer) และดับเบิลแค็บ เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร และ 3.2 ลิตร จำนวนทั้งหมด 12 คัน จากกรุงเทพฯ เข้าสู่พม่าทางด่าน อ.แม่สอด-เมียวดี และข้ามเทือกเขาถนนธงชัย สู่เมืองไจก์โท่ บันไดสู่พระธาตุอินทร์แขวน จากนั้นจึงจะวกลงสู่เมืองหงสาวดี และสุดท้ายที่เมืองย่างกุ้ง สมทบกับกลุ่ม 2 ที่นั่งเครื่องการบินไทยมารับไม้ต่อ เพื่อขับย้อนกลับเส้นทางเดิม และกลุ่มแรกจะเป็นฝ่ายบินกลับกรุงเทพฯ แทน
สำหรับกลุ่ม 2 วันแรกเมื่อถึงสนามบินย่างกุ้ง ทีมงาน “มาสด้า” ได้พาไปเยือนสถานที่ต่างๆ และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเมียนมาร์ในเมืองย่างกุ้ง (ส่วนใหญ่เป็นวัดวาอารามที่ต้องเดินเท้าเปล่าเข้าเยี่ยมชม โชคดีเข้าหน้าฝนพอดี) อดีตเมืองหลวงเมียนมาร์ แต่ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาร์ได้ย้ายไปยังเมืองเนย์ปิดอว์ที่สถาปนาขึ้นใหม่ตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน อยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งกว่า 400 กม. ประเทศเมียนมาร์ (พม่า )แม้จะถูกปกครองทั้งจากอังกฤษกับญี่ปุ่น แต่ประชาชนของเขามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งยึดเหนี่ยวมาตลอด จึงเห็นศาสนสถาน เจดีย์ และวัดวาอารามจำนวนมาก อาทิ วัดชเวดากอง เจดีย์โบตะทาวน์ หรือเจดีย์ทหาร 1,000 นาย ภายในบริเวณยังมีรูปปั้นเทพทันใจที่ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย นอกจากยังมี เจดีย์ซูเล วัดเจ๊าทัตติ มีพระนอนอายุกว่าสองพันปี แต่ถูกไฟไหม้ จึงได้สร้างองค์ใหม่มาแทน เป็นพระนอนหน้าสวยงามจนผู้คนทั่วไปเรียกว่าพระนอนตาหวาน รวมถึงเมืองพุกามที่กล่าวขานกันว่า เป็นดินแดนเจดีย์ไพร เพราะมีเจดีย์เป็นพันๆ เรียงรายเต็มไปหมด
วันแรกในการเดินทางของกลุ่ม 2 ด้วยปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ที่มุ่งวันแรกคือเมืองไจก์โท่ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร แต่ระหว่างทางจะผ่านเมืองหาสาวดี หรือพะโค ที่ห่างออกไปประมาณ 80 กม. จึงแวะชมพิพิธภัณฑ์พระราชวังหงสาวดี ซึ่งถูกจำลองขึ้นบนที่ตั้งเดิมของพระราชวัง จากหลักฐานเสาไม้ฝังอยู่เป็นจำนวนมาก และที่ขาดไม่ได้ของการมาเยือนเมืองพะโค คือการไปกราบพระธาตุชเวมอดอ หรือพระธาตุมุเตา เป็นอีกพระเจดีย์ธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง เชื่อว่าภายในได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เล่ากันว่าเมื่อครั้งใดที่พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์ที่ได้ชื่อเป็นผู้ชนะสิบทิศ เวลาออกทำศึกจะทรงสักการะขอพรพระธาตุมุเตาทุกครั้ง
มาสด้า บีที-50 โปร พาหนะตลอดการเดินทางเป็นแบบดับเบิลแค็บ เครื่องยนต์ดีเซล 3.2 ลิตร 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เบื้องต้นระหว่างเดินทางมีการสลับกันทำหน้าพลขับกับ (คุณอุ๋ย) ผู้ร่วมเดินทางจาก ออโต้บิล ตลอดการเดินทางของวัน กล่าวได้ว่า บีที 50 โปร มีสมรรถนะดีพอตัว สามารถเดินทางผ่านได้ตลอดทุกเส้นทาง ด้วยขุมพลังจัดจ้านในทุกรอบความเร็ว การเร่งแซงไม่มีปัญหาแม้ถนนจะลาดยางดำแต่เป็นลูกคลื่นอยู่ตลอด ถึงจะไม่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเท่ากับเก๋ง แต่ก็เหมาะกับการใช้งานอเนกประสงค์ของครอบครัวเลยทีเดียว
ในเมียนมาร์ระบบจราจรจะขับเลนขวา ซึ่งคนละฝั่งกับไทย เห็นว่าเพื่อแสดงถึงการต่อต้านวัฒนธรรมอังกฤษ แต่ไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะพอได้รู้จักชาวเมียนมาร์จริงๆ นับเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี โดยได้ข้ามแม่น้ำสะโตง ย้อนรอยกระสุนของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และมาถึงเมืองไจก์โท่ในช่วงบ่ายๆ จากนั้นจึงอาศัยรถบรรทุก เพราะห้ามนำรถที่ไม่อนุญาตขึ้นไปบนยอดเขา สถานที่ตั้ง… “พระธาตุอินทร์แขวน” หรือชาวเมียนมาร์เรียกว่า “ไจก์ทิโย”
พระเจดีย์ตั้งอยู่บนยอดหน้าผาของขุนเขา สัมผัสพื้นผิวเพียงนิดเดียว แต่กลับสามารถฝ่ากระแสลมและพายุฝนมานานนับพันๆ ปี สร้างความมหัศจรรย์ให้กับผู้คนอย่างมาก จนเชื่อกันมาแต่โบราณว่า พระอินทร์ได้เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อนำพระธาตุมาวางไว้ที่ยอดผา เพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพสักการะค่ำคืน บนที่พักห่างจากพระธาตุอินทร์แขวนไม่ไกล อากาศเย็นสบายจึงไม่จำเป็นมีเครื่องปรับอากาศ และพากันลงเขาแต่เช้า เพราะยังมีระยะทางอีกไกล โดยเฉพาะการต้องขับข้ามเทือกเขาถนนธงชัย หรือคนท้องถิ่นเรียกว่า “ดอนะ” ซึ่งหมายถึงดอกไม้กลิ่นหอมชนิดหนึ่ง ข้ามมาฝั่งเมืองเมียวดีด่านชายแดนพม่า-แม่สอด
แม้จะเป็นถนนดิน-หินขรุขระ และเส้นทางแคบไม่สามารถสวนทางได้ จนต้องเดินรถทางเดียว สลับกันวิ่งแต่ละวัน ซึ่งหากเป็นวันคู่จะขึ้นได้เฉพาะฝั่งเมืองไจก์โท่-พะอ่านที่เรากำลังมา และวันคี่จะขึ้นทางเมืองเมียวดีเท่านั้น โดยถนนคดโค้งไปตามขุนเขา ด้านขวาเป็นหน้าผาตลอดดูแล้วน่าวิตก แต่ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
กล่าวได้ว่า ตลอดทริปการเดินทาง ด้วยสมรถถนะของ “มาสด้า บีที-50 โปร” ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด การเปิดบ้าน “เมียนมาร์” ก่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา
วันที่ 1/07/2556 เวลา 13:18 น.