กรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับขบวนการสหกรณ์ไทย
กว่า 30 ปีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงริเริ่มงานพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนใน ถิ่นทุรกันดาร เมื่อปี พ.ศ.2523 และทรงงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งหวังให้เด็กในพื้นที่ห่างไกลได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีควบคู่กับการรู้จักช่วยตนเอง ตลอดจนการทำประโยชน์เพื่อส่วนร่วม เพื่อให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างเสมอภาค และได้รับโอกาสเฉกเช่นเดียวกับเด็กในวัยเดียวกันที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2534 ภายหลังจากการดำเนินการโครงการแรก คือ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันตามพระราชดำริมาได้ประมาณ 11 ปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชกระแสให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ดำเนินการส่งเสริมสหกรณ์ในโรงเรียนในพื้นที่การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริให้แพร่หลาย
พร้อมกันนั้นให้บูรณาการกิจกรรมสหกรณ์นักเรียนกับกิจกรรมโครงการอื่นๆ ของโรงเรียน ได้แก่ กิจการการผลิตของโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน และกิจกรรมการส่งเสริมอาชีพเยาวชนในท้องถิ่น โดยการส่งเสริมให้กิจกรรมสหกรณ์นักเรียน ทำการรวมหรือจัดหาปัจจัยการผลิต รวมทั้งการส่งเสริมให้กิจกรรมสหกรณ์ทำการรวมผลผลิตการเกษตรให้แก่โรงครัวของโรงเรียน เพื่อประกอบอาหารกลางวันเลี้ยงนักเรียน หากมีผลผลิตเหลือก็ทำการจำหน่ายให้ชุมชน ในทำนองเดียวกันก็ทำการรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จากโครงการฝึกอาชีพเพื่อจำหน่ายด้วย
ดังพระราชดำรัส ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2535 ความว่า “…ก็ตั้งใจจะให้เป็นการฝึกนักเรียนให้มีความรู้ มีความเคยชินกับระบบการทำงานร่วมกันตามแบบสหกรณ์ ฝึกตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ ได้ชินไปต่อมาก็ถ้าเป็นชาวบ้านเป็นราษฎรเต็มที่แล้วก็จะได้เข้าใจหลักการและเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหกรณ์ใหญ่ต่อไปได้…”
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานที่รับสนองพระราชดำริเรื่องการส่งเสริมกิจกรรมสหกรณ์ให้กับนักเรียน เปิดเผยว่า ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงให้ความสำคัญเรื่องการปลูกฝังงานสหกรณ์ให้กับเยาวชน เพื่อปูพื้นฐานลักษณะนิสัยของการรู้จักพึ่งพาตนเอง การทำงานร่วมกันด้วยความสามัคคีและการประหยัดอดออมให้กับเด็ก และในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติ โดยจะร่วมกับขบวนการสหกรณ์ทั่วประเทศจัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนที่อยู่ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ (กพด.) เพื่อน้อมเกล้าถวายในนามขบวนการสหกรณ์จำนวน 10 แห่ง จะดำเนินการต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556-2558 โดยจะใช้แบบแปลนอาคารเรียนมาตรฐานอาคารเรียน สปช. 105/29 เป็นอาคารเรียนสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก แบบ 2 ชั้น 4 ห้องเรียน ใต้ถุนโล่ง พร้อมกระดานดำ โต๊ะ เก้าอี้สำหรับนักเรียนและครู มีพื้นที่ใช้สอย 9 X 36 เมตร ราคาก่อสร้างหลังละประมาณ 4,000,000 บาท
ด้านนางรัชนีพร พึงประสพ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 เปิดเผยว่า ทางสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 ได้แจ้งรายละเอียดของโครงการไปยังขบวนการสหกรณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด ร่วมกับชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทย จำกัด บริจาคเงิน 4 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวิจิตรวิทยาคาร ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี โดยเบื้องต้นได้ประสานกับทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรี เชิญ พล.ต.อ.นิพจน์ วีระสุนทร ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด และประธานชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด และรองศาสตราจารย์ ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทย จำกัด พร้อมด้วย พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ ผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) ในฐานะรองประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด พร้อมด้วย Mr.Jeffrey A. Silk ตำแหน่ง Program Director ของสถาบัน ILEA-Bangkok และ Mr.John Koogker จากสถาบัน ILEA ประเทศสหรัฐอเมริกา ลงพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ เพื่อสำรวจสถานที่สำหรับการจัดสร้างอาคารเรียนและเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวิจิตรวิทยาคาร เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวิจิตรวิทยาคาร ตั้งอยู่ที่ตำบลปิล็อก ต้องเดินทางต่อจากอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี บนเส้นทางคดเคี้ยวและข้ามภูเขาไปอีก 60 กิโลเมตร เปิดสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2499 ปัจจุบันทางโรงเรียนเปิดการสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 82 คน มีครูซึ่งเป็นตำรวจตระเวนชายแดน 7 นาย อาคารเรียนในปัจจุบันเป็นไม้ขนาดชั้นเดียว พื้นที่ 66X6 เมตร ซึ่งมีอายุการใช้งานกว่า 10 ปี และเริ่มคับแคบเทียบกับจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเปิดภาคเรียน นักเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านอีต่องและบ้านอีปู่ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 500 ครัวเรือน ราษฎรส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า กะเหรี่ยง มอญ ไทย และชาวเนปาล ซึ่งเดินทางมาทำเหมืองแร่ตั้งแต่ปี 2483 มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ฐานะความเป็นอยู่ยากจนถึงปานกลาง เด็กๆ ต้องเดินเท้าจากบ้านมาโรงเรียนทุกวันเป็นระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร และต้องประสบปัญหายากลำบากในช่วงหน้าฝน
ร.ต.ต.ฤาชัย ศิริเอก ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวิจิตรวิทยาคาร ได้เล่าให้กับคณะของชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ฟังว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมโรงเรียนแห่งนี้ 3 ครั้ง พระราชทานเงินก่อสร้างห้องพักครูจำนวนหนึ่งหลัง 3 ห้องนอน มีการดำเนินโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ปลูกผักทั้งมะระแม้ว กวางตุ้ง ผักบุ้ง มะเขือ ฟักแม้ว มีการเลี้ยงไก่ไข่ ปลา และเป็ด ซึ่งผลผลิตสหกรณ์นักเรียนจะเก็บและขายให้กับโครงการอาหารกลางวันเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงนักเรียน
สำหรับกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน นักเรียนทุกคนเป็นสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งจะมีการส่งเสริมการออม การทำบัญชี เขียนรายงานการประชุม ประชุมคณะกรรมการสหกรณ์ทุกเดือน และประชุมใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการสอนวิชาสหกรณ์ให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.4-ป.6 และนำมาเชื่อมโยงกับวิชาอื่นๆ นอกจากนี้ยังเน้นให้เด็กได้รู้จักรักษาวัฒนธรรมและภาษาท้องถิ่น โดยได้เชิญผู้ปกครองนักเรียนที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่มาสอนภาษาพม่า และมิสเกรเน็ต ซึ่งเป็นชาวออสเตรเลีย อายุ 74 ปี และเจ้าของเหมืองแร่ปิล๊อก มาสอนภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียนสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเมื่อได้รับอาคารเรียนหลังใหม่ ทางโรงเรียนจะพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และบริการในชุมชน สนับสนุนและเชิญวิทยากรในท้องถิ่นมาให้ความรู้ในโรงเรียน โดยเน้นเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชุมชน ร่วมจัดกิจกรรมประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ และจะเปิดรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยและผู้ที่สนใจจะมาเรียนรู้วิถีชีวิตเรียนภาษาท้องถิ่นกับชาวบ้านในชุมชนตำบลปิล๊อกด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ ผู้บังคับการสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (ILEA) กล่าวว่า ประทับใจที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้คิดจะทำโครงการเพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ที่จะได้ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งทางผู้อำนวยการบริหารของ ILEA มีแนวคิดที่จะรับโรงเรียนวิจิตรวิทยาคารอยู่ในอุปถัมภ์ โดยจะสนับสนุนเรื่องการจัดกิจกรรม ทัศนศึกษาที่สถาบันฝึกอบรม ILEA โดยจะดูแลเรื่องที่พักและอาหาร พร้อมทั้งนำไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ
ทั้งพระบรมมหาราชวัง สวนสัตว์ หรือสวนสนุกต่างๆ เพื่อให้เด็กจากพื้นที่ห่างไกลเหล่านี้ได้มีโอกาสเห็นโลกกว้าง และเปิดโลกทัศน์เพิ่มยิ่งขึ้นด้วย
ด้านรองศาสตราจารย์ ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์ธนกิจไทย จำกัด กล่าวถึงโครงการจัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนที่อยู่ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเอาพระทัยใส่และให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลได้มีอาคารเรียนที่แข็งแรงเพื่อศึกษาเล่าเรียน นับเป็นโอกาสดีที่ขบวนการสหกรณ์จะได้มีส่วนช่วยเหลือสังคม ตามอุดมการณ์สหกรณ์ที่มุ่งหวังให้สหกรณ์มีความเอื้ออาทรต่อชุมชน
โครงการจัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะประสพผลสำเร็จด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของคนในขบวนการสหกรณ์ ที่มุ่งหวังที่จะส่งเสริมด้านการศึกษาให้กับเยาวชนที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ ซึ่งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนวิจิตรวิทยาคารจะเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่สหกรณ์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครร่วมกันบริจาคเงินสร้างอาคารเรียน เพื่อให้แล้วเสร็จ และจะทูลเกล้าฯ ถวายในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในอำเภอทองผาภูมิปลายปีนี้
คนเกษตร/รายงาน
วันที่ 30/06/2556 เวลา 8:46 น.