ดีแทคขึ้นเหนือเปิดยุทธศาตร์ 77/77
ดีแทคเดินหน้าภาคเหนือยึดยุทธศาตร์ 77/77 อินเตอร์เน็ต ฟอร์ ออล หลังจากได้ทำการทดสอบสัญญาณ ไตรเน็ต (Trinet) ที่ภาคอีสานมาแล้ว พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้า พัฒนาศักยภาพดีแทค คอลเซ็นเตอร์ บริการลูกค้า 10 ภาษา ในเอเชีย เสริมทัพขยายช่องทางจัดจำหน่ายโดยร่วมมือกับพันธมิตรในภาคเหนือ เปิด TriNet Partner ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการของดีแทคได้มากขึ้น หวังช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้ชาวเหนือ
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคได้จัดโครงการ 77/77 อินเตอร์เน็ต ฟอร์ ออล โรด ทริป (77/77 Internet for All Road Trip) มาที่ภาคเหนือ หลังจากที่ได้ไปในภาคอีสานมาแล้ว เพื่อทดสอบสัญญาณ ไตรเน็ต (TriNet) และทำวิสัยทัศน์ตามเป้าหมายสำคัญ ที่ดีแทคได้ประกาศไว้ให้เป็นจริง ในการสร้างความเท่าเทียมเข้าถึงอินเตอร์เน็ตทุกพื้นที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร และยังสร้างมิติใหม่ให้ภาคโทรคมนาคมช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเราได้ลงทุนในภาคเหนือจำนวน 6 พันล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี
เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มการใช้งานบริการด้านข้อมูล หรือ ดาต้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนลูกค้าดีแทคที่ใช้งานดาต้าถึง 9 ล้านราย ในขณะที่การเปิดให้บริการเครือข่าย 3จี บนคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ ส่งผลให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการรองรับการให้บริการสื่อสารเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ปัจจุบันโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับ 3จี บนคลื่นนี้ ในเมืองไทยมีจำนวนเพียง 20% เท่านั้น ในขณะที่การใช้งานดาต้าในภาคเหนือ มีการใช้ปริมาณข้อมูลต่อคนค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ
จากข้อมูลหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ ภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 1/2556 ขยายตัวดีแต่มีอัตราชะลอลง โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวหลังจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐสิ้นสุดในไตรมาสก่อนหน้า สำหรับการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทรงตัว ด้านการท่องเที่ยวขยายตัวดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปีนี้ อันดับ 1 คือ นักท่องเที่ยวชาวจีน โตขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2555
ทั้งนี้ มาจากความนิยมหนังดังเรื่อง Lost in Thailand ทำให้เกิดกระแสการทะลักเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชุมสัมมนา การส่งออกที่ขยายตัวดีมาก โดยเฉพาะการค้าชายแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน และนโยบายการเปิดประเทศของพม่า ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี ที่มีผลิตผลทางการเกษตร และผลิตภัณฑ์ที่เป็นของพื้นบ้านที่มีคุณภาพ และสามารถทำรายได้ส่งออกให้กับประเทศ โดยมีการติดต่อค้าขายกับประเทศจีน พม่า ลาว เพื่อเปิดตลาดการค้าไปสู่เศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือเออีซี
โดยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) ที่เป็นกุญแจสำคัญของการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือการเป็นอนุภูมิภาคที่มีความเจริญรุ่งเรือง และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยมีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีพลวัตมากที่สุดของโลก
อีกทั้งเชียงใหม่ ยังเป็นหนึ่งในจังหวัดที่กำลังจะเป็น ไมซ์ ซิตี้ หรือศูนย์กลางการจัดการแสดงสินค้าภายในประเทศ เป็นหนึ่งแนวทางในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไมซ์ หลังจากเปิดเขตเออีซี ในปี 2558 ซึ่งถือเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่จะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ ลดการพึ่งพิงจากต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้จำนวนมหาศาล ให้หมุนเวียนจากส่วนกลางไปยังส่วนภูมิภาค ดังนั้นเมื่อตลาดมีศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน เครือข่ายดีแทคก็พร้อมให้บริการ ประกอบกับการมี โทรศัพท์เคลื่อนที่จากดีแทคไตรเน็ต สมาร์ทโฟนที่มีสเปกสูงในราคาสมเหตุผล จึงเป็นจังหวะดีที่ดีแทคจะได้มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการ ตามความต้องการของลูกค้า และสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากอินเตอร์เน็ตได้สะดวก รวดเร็ว
นายจอน กล่าวต่อว่า ตอนนี้ดีแทคมีลูกค้าที่เติบโตเปรียบเทียบไตรมาสต่อไตรมาสที่ 30% โดยไตรมาส 1/2556 มีอัตราการเติบโต 32% ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้า 2 ล้านรายแล้ว ที่ลงทะเบียนของใช้บริการไตรเน็ต และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าลงทะเบียนใช้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10 ล้านราย อย่างไรก็ตาม ดีแทคจะเปิดให้บริการไตรเน็ตอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 เดือน ก.ค.56
นอกจากนี้ดีแทคยังได้เพิ่มศักยภาพ คอลล์ เซ็นเตอร์ รับสายลูกค้าได้มากถึง 10 ภาษา และยังได้มีการปรับโฉมหน้า ศูนย์บริการดีแทค และร่วมมือกับพันธมิตรแต่งตั้ง TriNet Partner ช่องทางจัดจำหน่ายให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการของดีแทคได้มากขึ้น
ด้านนายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า ดีแทค กล่าวว่า ในปีนี้ดีแทคได้ปรับโฉมงานบริการลูกค้า และพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานในการให้บริการลูกค้าครั้งใหญ่ ด้วยงบลงทุนกว่า 800 ล้านบาท ด้วยปรัชญาในการให้บริการลูกค้ากว่า 26.5 ล้านราย โดยการยึดให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบครบถ้วน ทั้งเรื่องการใช้งานและเรื่องของจิตใจ จึงใส่ใจดูแลทุกรายละเอียด และพร้อมให้คำปรึกษากับผู้ใช้บริการทุกคนเหมือนกัน
ลูกค้าดีแทคมีหลากหลายเชื้อชาติและภาษา และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้งานที่มีแนวโน้มใช้ดาต้าในการค้นหาข้อมูล ข่าวสาร และติดต่อกันทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น เมื่อมี 3จี ลูกค้าเริ่มเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์พกพา ซึ่งมีหลายคนที่เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก และต้องการคำแนะนำที่ถูกต้อง ทั้งการเลือกซื้อ รวมถึงการใช้งานฟังก์ชั่นและแอพพลิเคชั่นที่ถือเป็นเรื่องใหม่ ดีแทคจึงได้พัฒนาความสามารถในการให้บริการลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการเปิดดีแทค คอลล์ เซ็นเตอร์ 10 ภาษา ได้แก่ ภาษาจีน, ภาษาพม่า, ภาษาลาว, ภาษากัมพูชา, ภาษา มาลายู, ภาษาอินโดนีเซีย, ภาษาเวียดนาม, ภาษายาวี, ภาษาญี่ปุ่น, ภาษาอังกฤษ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว และแรงงานต่างชาติ และยังพัฒนาการให้บริการลูกค้าทางโซเชียลมีเดีย ทั้ง เฟซบุ๊ค บริการอีเซอร์วิซทางดีแทคเว็บไซต์ เว็บไซต์พันทิพย์และผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่
พร้อมกันนี้ ดีแทคยังได้ปรับโครงสร้างช่องทางใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการติดต่อกับดีแทค ให้ได้รับสะดวกสบาย สอดคล้องกับรูปแบบการใช้บริการของลูกค้ามากขึ้น สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดี โดยการปรับโฉมศูนย์บริการดีแทค ที่มีทั้งการขายและบริการแบบครบวงจร (Sales & Service Integration) จัดเสนอให้ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม ซึ่งได้ทยอยปรับปรุงทั้งสิ้นครบ 100 สาขาไปแล้ว และมีแผนปรับปรุงเพิ่มอีกกว่า 300 สาขาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มเติม ด้วยการแต่งตั้ง TriNet partner ที่มีความพร้อมในการขายสินค้ามือถือ ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์แบรนด์และ dtac TriNet Phone สมาร์ทโฟน และบริการให้คำปรึกษาแนะนำการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยตั้งเป้าที่จะขยายให้ครบ 300 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพของงานบริการลูกค้าทั้งในส่วนของคอลเซ็นเตอร์และการขยายศูนย์บริการ ดีแทค ฮอลล์, ดีแทค เซ็นเตอร์ และดีแทค เอ็กซ์เพรส จะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ
นายจอน กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ดีแทคยังได้เดินหน้าโครงการ 1 ล้านชั่วโมงเพื่อเด็กไทย-Internet For All สนับสนุนการศึกษาเด็กไทยเสริมความรู้นอกห้องเรียนผ่าน 3จี โมบายล์ อินเตอร์เน็ต โดยดีแทคได้มอบแอร์การ์ด พร้อมซิมการ์ดสำหรับใช้งาน 3จี ฟรี 1 ปี โดยเริ่มนำร่องที่โรงเรียนบ้านปางน้ำถุ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และเตรียมขยายความร่วมมือร่วมกับภาครัฐ เพื่อสนับสนุนโรงเรียนอื่นตามหลักการทั่วประเทศ โดยดีแทคเชื่อมั่นว่า 3จี โมบายล์ อินเตอร์เน็ต จะเปิดโลกทางการศึกษาให้เด็กไทยในชนบทเท่าเทียมกันทุกที่ในประเทศ เป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา การค้นคว้า การเรียนรู้ต่างๆ ด้วยการเปิดโลกกว้างและจินตนาการสู่เด็กไทย อินเตอร์เน็ตยังเป็นสื่อกลางเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ
“โดยดีแทคใช้งบสำหรับโครงการนี้กว่า 11 ล้านบาท เริ่มต้นโครงการนี้กับโรงเรียนบ้านปางน้ำถุ เป็นโรงเรียนแรกในการนำร่องมอบชุดคอมพิวเตอร์ (PC) พร้อมแอร์การ์ด และซิมพรีเพด สำหรับการใช้งาน 3จี ฟรี 1 ปี จำนวนทั้งสิ้น 3 ชุด โดยดีแทคยังเปิดให้โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องการสนับสนุนแสดงความจำนงเข้ามา โดยมีความต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนการสอน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการค้า และอยู่ในพื้นที่ให้บริการ 3จี ดีแทค” นายจอน กล่าว
นายสมบูรณ์ ฟองนวล ผู้อำนวยการ โรงเรียนปางน้ำถุ กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงเรียนได้พยายามมุ่งเน้นการศึกษา การเรียนรู้นอกห้องเรียนและนอกตำราเรียน เพื่อเพิ่มคุณภาพ และความเป็นเลิศทางวิชาการแก่นักเรียนของเราตั้งแต่อนุบาลปีที่ 1 จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเชื่อมั่นว่า 3จี โมบายล์ อินเตอร์เน็ต จะเปิดโอกาสเพื่อการศึกษาหาความรู้ และจะเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญที่จะผลักดันนักเรียนให้เท่าเทียมในด้านการศึกษากับทุกท้องที่ทั่วไทย โครงการนี้จะส่งผลให้เกิดการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน การพัฒนาสื่ออินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการสร้างปัญญาให้กับเด็กไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว และเป็นการปลูกฝังการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเมื่อเติบโตขึ้นพวกเขาจะเป็นบุคลากรที่มีความสามารถและศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
วันที่ 23/06/2556 เวลา 7:21 น.