สธ.ชูภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย นำเศรษฐกิจไทย ก้าวไกลสู่อาเซียน
ประเทศไทยทุกภาคมีสมุนไพรหลากหลายชนิดที่สามารถรักษาได้สารพัดโรค ที่คนรุ่นปู่ย่าตายายใช้กันมายาวนาน รวมถึงฝีไม้ลายมือในการนวดต่างๆ ไม่ว่าจะนวดแก้ปวดเมื่อย นวดผ่อนคลาย และนวดเพื่อรักษาโรค ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกก็เริ่มให้ความสนใจซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางทำรายได้ให้กับประเทศ
ดังนั้นเพื่อเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาและให้ความรู้ ตลอดจนการปูทางก่อนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในเรื่องของสมุนไพรไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจึงได้จัดงาน มหกรรมรวมพลังการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านประจำปี 2556 ของ 16 จังหวัดภาคกลาง ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ ศาลา 60 พรรษามหาราช เทศบาลเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเน้นเรื่อง ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย นำเศรษฐกิจไทย ก้าวไกลสู่อาเซียน เพื่อเผยแพร่ภูมิปัญญาไทยทั้งเรื่องการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย เพื่อใช้แก้ไขปัญหาการเจ็บป่วย และบำรุง ส่งเสริมให้มีสุขภาพดี
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เชื่อว่าหลังจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการสาธารณสุข คาดการณ์ว่าความต้องการแพทย์แผนไทยฯ จะมีแนวโน้มมากขึ้น กระทรวงฯ ได้วางแผนรองรับไว้ 3 เรื่องหลักๆ เพื่อให้มีศักยภาพการแข่งขันระดับนานาชาติ ได้แก่
1.เพิ่มบุคลากรด้านแพทย์แผนไทย ให้มีจำนวนเพียงพอ ในเบื้องต้นจะให้ประจำการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ทุกแห่ง ซึ่งเป็นบริการด่านหน้าและอยู่ใกล้ชิดชุมชนที่สุด ขณะนี้ได้ให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยเร่งสำรวจความเหมาะสมของอัตรากำลัง ตั้งเป้าภายในปี 2558 รพ.สต.ทุกแห่ง ต้องมีบริการแพทย์แผนไทยขั้นพื้นฐาน คือใช้ยาสมุนไพรพื้นฐานและบริการนวดไทยบรรเทาปวดเมื่อย คลายเครียด
2.การพัฒนาศักยภาพสมุนไพรหรือยาไทย เพิ่มรายการยาสมุนไพรเข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติใช้ในสถานพยาบาลภาครัฐทั่วประเทศ จาก 71 เป็น 87 รายการ รวมทั้งพัฒนาสมุนไพร อาทิ ไพล บัวบก กระชายดำ กวาวเครือขาว และลูกประคบ ให้เป็นสมุนไพรยอดนิยม มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สร้างจุดแข็งสินค้าและบริการการแพทย์แผนไทย เตรียมพร้อมต่อการเปิดเขตเสรีทางการค้าอาเซียนหรืออาฟตา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกของประเทศสมาชิก ร่วมกันสร้างพลังต่อรองกับเขตประชาคมเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดยาสมุนไพร เครื่องสำอาง อาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทย เพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าในช่วงปีดังกล่าว ไทยจะสามารถดึงการค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรเข้าประเทศได้มหาศาล
3.การพัฒนาบริการการแพทย์แผนไทย โดยบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่นโครงการล่องแพที่ จ.กาญจนบุรี มีบริการนวดแผนไทยขนานแท้ มีอาหารพื้นบ้านไทยเพื่อสุขภาพ เบ็ดเสร็จในแพ จะหารือผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการแพท่องเที่ยวต่อไป
ด้าน น.พ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เพื่อสนองนโยบายดังกล่าวและให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย จึงจัดงานมหกรรมรวมพลังการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านที่ จ.กาญจนบุรี ภายในงานมีการประชุมวิชาการด้านการแพทย์แผนไทย นิทรรศการแสดงผลงานภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยของเครือข่าย 16 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี นนทบุรี ปทุมธานี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ชัยนาท อ่างทอง สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ อาทิ การแสดงพื้นบ้าน ลานหมอพื้นบ้าน การโชว์สมุนไพรรางจืดล้างสารพิษ การตอกเส้น กัวชา การจัดกระดูก ฝังเข็ม อาหารพืชผักสมุนไพรต้านโรค การแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัล การสาธิตการทำอาหารเพื่อสุขภาพ ประกวดอาหารสมุนไพร ครัวไทยสู่ครัวโลก พืชผักสมุนไพรต้านโรค และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้านการแพทย์แผนไทย การให้บริการนวดไทย สมุนไพรไทย
วันที่ 16/06/2556 เวลา 9:39 น.