เอ็ม 79 บึม!

บึ้มอีกลูกแล้ว สำหรับอาวุธยอดฮิตของการเมืองไทยยุคเหลือง-แดง"เอ็ม 79" คราวนี้ ถึงจะลงผิดซอย ผิดบ้าน แต่ก็คงเชื่อกันว่าเป้าน่าจะเป็นบ้านประธานศาลปกครอง นายอักขราทร จุฬารัตน ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย เพราะก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน มีการกระทำที่อุจอาจยิงเข้าใส่ "ร.1 พัน.1 รอ." จากทางด่วนลงหน้าค่ายทหาร ทำให้มีทหารบาดเจ็บ2 นาย
          และเชื่อว่าจะมีอีก เพราะเอ็ม 79 เป็นอาวุธที่ใช้ง่าย ลั่นไกเบาระเบิดดัง ซึ่งผู้ชุมนุม "กลุ่มคนเสื้อเหลือง" เคยต้องผจญจนเล่าขานเป็นวีรกรรมไปแล้วที่ทำเนียบรัฐบาลและบริเวณใกล้เคียง
          ครั้งนี้ "กลุ่มคนเสื้อแดง" ยังไม่โดน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โดน หรือในทางตรงกันข้าม หาใช่เป็นคนที่ไปยิง แต่หากไม่ระวังอาจพัวพันโดยไม่รู้ตัว เพราะทุกฝ่ายเชื่อว่าเป็นฝีมือของ "มือที่สาม" ซึ่งเป็นอีกตัวละครสำคัญของการเมืองไทยที่จะโผล่มาในช่วงที่มีความขัดแย้งแตกแยกเสมอ และ "มือที่สาม" นี่ก็ตามยากเสียด้วย ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาแถมยังว่ากันว่า มือนี้กับ "มือที่มองไม่เห็น" เป็นพวกเดียวกันอีกต่างหากที่สำคัญ "มือที่สาม" เก่งสร้างสถานการณ์ และจับ "แพะ" ตลอดจนมีกระบวนการ "โยนบาป" ให้ศัตรูทางการเมืองจน "ดิ้นไม่หลุด" !!ที่ดูจะมี "เค้าราง" ก็เพราะมีเหตุการณ์ที่เสมือนเป็นการ "ปูพื้น" ข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปล้นอาวุธจากคลังแสงที่พัทลุง หรือการเข้าจับกุมผู้ (แอบ) รับจ้างผลิตชิ้นส่วนปืนเอ็ม 79 ทั้งยังยึดของกลางได้หลายชิ้น ถึงแม้ว่าทางตำรวจจะให้ข่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง และมีหลายกระแสบอกว่า เรื่องนี้เป็นความร่วมมือ "อาเซียน" ทาง "ใต้ดิน" คือผลิตปืนประเทศหนึ่ง กระสุนอีกประเทศหนึ่ง และใช้ในกองกำลังติดอาวุธในประเทศที่สาม (ฮา)
          จนถึงขั้นมีคนบอกแบบติดตลกว่ามีกระบวนการผลิตได้ขนาดนี้ ควรให้สิทธิพิเศษ"บีโอไอ" ไปเสียเลย!!แต่เรื่องอย่างนี้ไม่แน่ตามข่าวไปมาอาจเปลี่ยนได้เสมอและสามารถผูกเรื่องใหม่จนคนที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่กันดีๆกลายเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ไปก็มีมาแล้วอย่างในอดีตช่วง 6 ตุลาคม 2519 ใครเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์คงจำได้ว่าไปเรียนหนังสือตามปกติกลับถูกกล่าวหาเป็นโจรคอมมิวนิสต์ มีอาวุธครบมือ ยิงออกมาจากธรรมศาสตร์ได้เฉย ทั้งยังมีกระบวนการ "ขวาพิฆาตซ้าย" จับลูกเสือชาวบ้านและ "กลุ่มกระทิงแดง" ชนกับนักศึกษา จนนำไปสู่การ "กวาดล้าง" บาดเจ็บล้มตาย เพราะคนไทย "ฆ่า" กันเองในปัจจุบันช่วงนี้การเมืองอ่อนไหวไม่ผิดกันเท่าไหร่ กระบวนการ"ทาสี"ให้ภาพฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็น "ผู้ร้าย" หรือเป็น "มาร" ที่พร้อมใช้"ความรุนแรง" มีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องยอมรับว่า อย่างน้อยทางหน้าสื่อ"กลุ่มคนเสื้อแดง" นั้น "เสียเปรียบ" ด้วยยุทธศาสตร์ด้านการประชาสัมพันธ์ที่เหนือกว่าของรัฐบาล และภาพที่คนยังติดตาติดใจความรุนแรงเมื่อสงกรานต์ปีที่แล้ว
          บวกกับ "ภาพ" ของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง"ที่แสดงเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" ในการใช้อาวุธ "เอ็ม 79" ดังกล่าว ทำให้ทุกครั้งที่พื้นที่ใดเป็นพื้นที่กระสุนตก ต้องนึกถึง "เสธ.แดง" ก่อนเสมอ ซึ่งถึงแม้เจ้าตัวจะปฏิเสธความเกี่ยวข้อง แต่จะให้คนปักหลักเชื่อใจ 100% นั้นยากนักแถมด้วยกรณีของ "เค-ทอง" ลูกน้อง "เสธ.แดง" กับคลิปวิดีโอในห้อง"แคมฟรอก" ที่ทำให้ต้องนอนคุกจนทุกวันนี้ และ "เสธ.แดง" ยังมีภาพถ่ายร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำตัวจริงเสียงจริงของกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยในช่วงที่ไปเยี่ยมเยียนและที่มีกระแสข่าวจัดตั้ง"กองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย"
          ล่าสุดข่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศอ.รส.) กล่าวว่า ทางการไทยได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองของหลายประเทศภายหลังการ "ดักฟัง" โทรศัพท์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเตือนให้ไทยระมัดระวังการลอบก่อวินาศกรรม "แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของการก่อเหตุได้" และเจ้าหน้าที่ยังได้จับตา "กลุ่มบุคคล" มากกว่า 1 กลุ่มที่มีพฤติกรรมรุนแรง "เข้าข่าย" ตามที่ต่างประเทศแจ้งเตือน โดยนายสุเทพบอกไว้ด้วยว่า "ไม่เกี่ยวโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้"
          และเมื่อกล่าวถึงกรณีเอ็ม 79 นายสุเทพกล่าวว่า ผู้ก่อเหตุมีความชำนาญในการใช้อาวุธเอ็ม 79 แต่ยังไม่ชัดว่าเป็นกลุ่มใด โดยเชื่อว่ามีเป้าประสงค์ต้องการยั่วยุให้ทหารตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพื่อนำเรื่องไปขยายผล ส่วนกรณีนี้จะเกี่ยวข้องกับ "ทหารสายสีแดง" หรือไม่นั้น ขณะนี้ได้เฝ้าติดตามหลายกลุ่ม รวมทั้ง พล.ต.ขัตติยะด้วย
          แค่นี้ก็ "ผูก" เป็นเรื่อง ที่มีองค์ประกอบครบ รวมถึง "ทหารสายสีแดง" แบบที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดไว้ว่ามีทหาร "แตงโม" ข้างนอกเขียวข้างในแดง!!
          ทั้งหมดเป็น "โจทย์" สำคัญที่ "กลุ่มคนเสื้อแดง" ต้องคิดให้หนักและหากคิดที่จะยึดหลัก "อหิงสา" อย่างแท้จริง ก็ต้องระมัดระวังทั้งพฤติกรรมและคำพูดของผู้ที่ปราศรัยให้สัมภาษณ์ หลีกเลี่ยงความรุนแรงเพราะพลาดท่าเสียทีตกหลุม ติดกับของศัตรูทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นมือที่เท่าไหร่ก็ตาม ย่อมจะนำมาซึ่งความล่มสลายของตนเองในที่สุด