เลิกเคอร์ฟิวหนุนความเชื่อ
ส.อ.ท. เผยยกเลิกเคอร์ฟิวหนุนความเชื่อมั่นกลับมา หลังการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนภาพรวมปรับตัวดีขึ้น ระบุนักลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มมั่นใจ แต่ยังรอดูมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนของ คสช. ขณะที่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาด การประชุม กนง.วันที่ 18 มิ.ย.คงอัตราดอกเบี้ย
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศว่า ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นของภาคเอกชนโดยภาพรวมปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การดำเนินธุรกิจทุกสาขาสามารถดำเนินการได้อย่างสะดวก ไม่ติดช่วงเคอร์ฟิว และแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในประเทศไม่มีปัญหาความรุนแรง ปัจจัยเหล่านี้ช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา นักลงทุนไทยและต่างประเทศที่ลงทุนในไทยอยู่แล้วมีความสบายใจเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศมีแนวโน้มความเชื่อมั่นกลับคืนมา แต่ยังรอดูมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการลงทุนของ คสช.
สำหรับ ส.อ.ท.อยากเห็นการทำงานของ คสช.ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นอย่างเป็นรูปธรรม มีความชัดเจน ดำเนินการอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาลในการดำเนินการ รวมถึงปลอดคอรัปชั่น ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยตลอดปีน่าจะกลับมาขยายตัว โดยจะมากกว่าประมาณร้อยละ 2% และอาจสูงถึงประมาณ 2.5-3% แต่จะต้องเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่วนภาคการท่องเที่ยวเชื่อว่าจะฟื้นตัวครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบีโอไอนัดแรกวันที่ 18 มิถุนายนนี้ เชื่อว่าจะเร่งพิจารณาโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน ซึ่งค้างการพิจารณากว่า 700,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3-4 เดือนนับจากนี้
นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การยกเลิกเคอร์ฟิวของ คสช.ช่วยให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและนักลงทุนในภาพรวมกลับคืนมา โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์ฟื้นตัวดีขึ้น เมื่อท่องเที่ยวฟื้นก็จะมีผลดีต่อภาคการผลิตและบริการที่สนับสนุนภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้มีการผลิตสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่อง มีการผลิตและดำเนินธุรกิจตามมา ทั้งโรงงานผลิตและร้านอาหาร ภัตตาคาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ด้านการลงทุนมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นต่อประเทศไทยเพิ่มขึ้น
นายสุรชัย จิตตรัตน์เสนีย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันพุธที่ 18 มิถุนายนนี้ กนง.น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 เนื่องจากขณะนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เข้ามาบริหารประเทศและมีแผนโรดแม็พด้านเศรษฐกิจ ประกอบกับภาคการคลังสามารถจัดทำงบประมาณปี 2558 ได้ตามปกติแล้ว ดังนั้นการใช้นโยบายการเงินและการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงมีความจำเป็นน้อยลง ขณะเดียวกันมีความเป็นห่วงอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ดังนั้น กนง.จึงมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปีนี้
ส่วนโครงการลงทุน 3 ล้านล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคมเสนอต่อ คสช.นั้น ยังไม่เห็นในรายละเอียด แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโครงการเดิม เช่น รถไฟฟ้ารางคู่ รถไฟฟ้าสายต่างๆ เป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือการดำเนินโครงการให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่วางไว้ต้องมีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งหากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางไว้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะสูงขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ว่าโตร้อยละ 1.5
นายพรชัย ปัทมินทร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ธนาคารเน้นสนับสนุนให้นักลงทุนรายใหญ่ที่มีสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินเชื่อรวม ออกไปลงทุนในประเทศอาเซียนมากขึ้น เพื่อรองรับปี 2558 ที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยเน้นการเตรียมความพร้อมให้ลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน และเตรียมพร้อมด้านบุคลากรโดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม การเกษตร ค้าปลีก และธุรกิจรักษาพยาบาล เพราะเชื่อมั่นนักลงทุนไทยสามารถแข่งขันกับตลาดในอาเซียนได้เป็นอย่างดี
วันที่ 17/06/2557 เวลา 11:55 น.