รองผบ.ตร.กำชับดูแลBTSทุกสถานี [13:08 น.]... ผบก.จร.วางกำลังจนท.เพิ่มจุดเสี่ยงชุมนุม [13:06 น.]... ภาคกลางมีฝนร้อยละ40 [7:55 น.]... ภาคเหนือมีมีฝนร้อยละ60 [7:27 น.]... แผ่นดินไหวที่อินโดนีเซีย [5:27 น.]... มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ เดินหน้า เตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ “การพัฒนาโรงพยาบาลสู่ประชาคมอาเซียน”
ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในหลายด้าน ส่งผลให้ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ การที่หลายประเทศรวมกลุ่ม จึงนับเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการแข่งขันกับประเทศมหาอำนาจ และดำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาค พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ASEAN (Association of Southeast Asian Nations) ทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไนดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของประเทศ ที่จะต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ให้พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
ดังเช่นความสำคัญและความจำเป็นของการเตรียมพร้อมบุคลากรทางการแพทย์เพื่อสอดคล้องกับนโยบายการบริหาร อันสืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลได้ใช้เสาหลักของการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อให้อาเซียนมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน แรงงานฝีมือ อย่างเสรี และเงินทุนที่เสรีขึ้น ภายในปี 2558 นั้น ทำให้ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องปรับนโยบายและยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐอย่างต่อเนื่อง ในภาคของการสาธารณสุข โดยเฉพาะโรงพยาบาลทุกระดับซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการจัดบริการด้านสุขภาพของประชาชนก็เช่นกัน มีความจำเป็นต้องพัฒนากิจกรรมต่างๆ ให้สอดรับกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จึงได้วางยุทธศาสตร์โดยมีการเตรียมตัวของบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการจัดสัมมนาวิชาการให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของจังหวัดเพชรบุรีขึ้น เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยท่านวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ ด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร การตลาด เพื่อเตรียมพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
นายพงศ์ศักดิ์ เกตุสวัสดิวงศ์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ กล่าวว่า AEC เป็นการพัฒนามาจากการเป็น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ The Association of South East Asian Nations หรือ ASEAN ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ หรือ Bangkok Declaration เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510 โดยมีประเทศผู้ก่อตั้งแรกเริ่ม 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมาในปี พ.ศ.2527 ประเทศบรูไน ก็ได้เข้าเป็นสมาชิก ตามด้วยปี พ.ศ.2538 เวียดนาม ก็เข้าร่วมเป็นสมาชิก ในปี 2540 ลาวและพม่า เข้าร่วม และปี 2542 กัมพูชา ก็ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 10 ทำให้ปัจจุบันอาเซียนเป็นกลุ่มเศรษฐกิจภูมิภาคขนาดใหญ่ มีประชากร รวมกันเกือบ 500 ล้านคน จากนั้นในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 9 ที่อินโดนีเซีย เมื่อ 7 ต.ค. 2546 ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียน หรือ ASEAN Community
การจัดทำปฏิญญาอาเซียน (ASEAN Charter) ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2552 นับเป็นการยกระดับความร่วมมือของอาเซียนเข้าสู่มิติใหม่ในการสร้างประชาคม โดยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทางกฎหมายและมีองค์กรรองรับการดำเนินการเข้าสู่เป้าหมายดังกล่าวภายในปี 2558 กระแสประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนกำลังได้รับการกล่าวขวัญ โดยเฉพาะข้อดี – ข้อเสียในทางเศรษฐกิจที่นับว่าเป็นโจทย์สำคัญให้ทางภาครัฐรวมทั้งประชาชนคนไทย ได้นำไปขบคิดว่า อีก 1 ปีข้างหน้า เราเตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง หรือได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ข้างหน้าที่จะเกิดขึ้นกันมากน้อยเพียงใด
นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว ระบบสาธารณสุขของไทย ก็เป็นอีกหนึ่งด้านที่น่าจะได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบไปด้วย หากนโยบายภาครัฐในด้านการขยายความคุ้มครองด้านสุขภาพ การส่งเสริมไทยสู่การเป็น Medical Hub การขยายตัวของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งแน่นอนว่าจะกระทบต่อระบบสาธารณสุขของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในปี 2558 เพดานหุ้นส่วนต่างชาติที่ถือสัญชาติอาเซียนอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ซึ่งจะกระทบอย่างมากต่อไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีเพดานที่ต่ำมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ น่าจะมีการเข้ามาลงทุนในบ้านเรามากขึ้นเพราะภาพรวมด้านการแพทย์ของเราถือว่ามีศักยภาพมากในอันดับต้นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากไทยมีชื่อเสียงและขีดความสามารถทางด้านบริการสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งโรงพยาบาล ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน Joint Commission International หรือ JCI Accreditation ของสหรัฐอเมริกา จำนวน 28 แห่ง ถือว่ามากที่สุดในอาเซียน
สะท้อนว่าโรงพยาบาลในประเทศไทยมีความโดดเด่นด้านมาตรฐานของสถานพยาบาล อีกทั้งหากมองในแง่ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยมีมากถึง 60% ส่วนสิงคโปร์และมาเลเซียมีเพียง 14% ก็ถือว่าไทยมีศักยภาพเช่นกัน แต่จะทำอย่างไรให้เรามีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้มากขึ้น หากเราสามารถปรับตัวได้ในทิศทางที่ถูกต้อง จะทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือ Medical Hub ได้ไม่ยากนัก เนื่องจากเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพ เทคโนโลยี รวมทั้งงานวิจัย และความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทยอยู่ในชั้นแนวหน้า เทียบเคียงกับสิงคโปร์ นอกจากนี้ ถ้าหากเราสามารถเพิ่มศักยภาพเฉพาะด้าน เช่น ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง ศูนย์ศัลยกรรม ความงาม ฯลฯ ก็จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อีกมากเช่นกัน
การจัดประชุมสัมมนาเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ “การพัฒนาโรงพยาบาลสู่ประชาคมอาเซียน ” เรามองว่าเป็นโครงการที่ดีสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยบุคลากรที่เราเชิญมาอบรมครั้งนี้ประกอบด้วยบุคลากรจากโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี สาธารณสุขจังหวัด รพช. รพสต. สถานีกาชาดและโรงพยาบาลเอกชน รวม 200 คน
อย่างไรก็ดีนับว่าเป็นอีกภารกิจหนึ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัดโดยเฉพาะท้องถิ่นห่างไกลได้มีโอกาสพัฒนาตัวเองมากขึ้นและยังเป็นประโยชน์ต่อทุกคนอีกด้วย
ภัทรพงษ์ ปานปิ่นทอง/เพชรบุรี
วันที่ 8/06/2557 เวลา 16:48 น.