ม็อบ3นิ้วฝ่อมา5เย้ย42กองร้อย
คสช.ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารรวม 42 กองร้อย ตรึง 5 จุดรับมือกลุ่มต้าน ผบ.จราจร ผวาวางกำลังเพิ่มอีกเป็น 11 จุด ล่าสุดโดนหลอกเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มาตามนัดปล่อยให้รอเก้อ โผล่ออกมาแค่ 5 คน บริเวณหน้าห้างสยามพารากอน โดยเดินคล้องแขนชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยกับ คสช. ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว ขณะที่สำนักโพลชื่อดังเผยผลสำรวจประชาชนคนไทยพอใจผลงานคณะรักษาความสงบและปลื้มฝีมือ “บิ๊กตู่” มีคุณสมบัติเหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และให้เวลาไม่เกิน 1 ปี เดินหน้าปฏิรูปประเทศ เอกสารลับคำสั่งระงับโครงการ 3.5 แสนล้านบาทว่อนเน็ต “วินธัย” ปัดวุ่นขอตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่มีคำสั่งระงับ อ้างแค่ทบทวนโครงการขนาดใหญ่ คาดได้ข้อสรุปชัดเจนสัปดาห์นี้ ส่วน กต.เชิญทูต-กงสุลใหญ่ 22 แห่ง หารือแนวทางแจงสถานการณ์ไทยวันที่ 11 มิ.ย.นี้
ผวา 3 นิ้วตรึงกำลัง 5 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 8 มิ.ย.57 ที่กองบัญชาการกองทัพบก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่มีการประชุม แต่ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้ติดตามงานและประเมินสถานการณ์ ซึ่งในวันนี้มีรายงานข่าวว่า กลุ่มต้านรัฐประหารและ คสช. นัดชุมนุมตามสถานที่ต่างๆ ใน กทม.5 จุด ได้แก่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สยามพารากอน สนามบินสุวรรณภูมิ ร้านแมคโดนัลด์ในห้างอัมริมทร์พลาซ่า และวัดพระแก้ว ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ฐานะหัวหน้า คสช.นั้น จะเดินทางเข้ามาติดตามสถานการณ์ภายใน บก.ทบ.ด้วย โดยมาตรการรักษาความปลอดภัยยังคงเข้มงวดเช่นเดิม
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงได้วางกำลังเป็น 11 จุดเสี่ยงการชุมนุมเพิ่มขึ้นจาก 5 จุดที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหากในพื้นที่มีการชุมนุมต้องมีปิดการจราจร ผู้บัญชาการเหตุการณ์ในพื้นที่จะเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะแจ้งให้ประชาชนทราบทุกช่องทาง ทั้งนี้ยังไม่มีการชุมนุมในแต่ละสถานที่ ส่วน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้ผสานกำลังตำรวจ 15 กองร้อย และทหาร 27 กองร้อยเข้าดูแลความเรียบร้อย ขณะเดียวกันจะมีการวางกำลังบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี รวมถึงขบวนรถไฟฟ้าทุกขบวน เพื่อป้องกันการรวมกลุ่มของผู้ที่จะออกมาเคลื่อนไหวแล้ว
อนุสาวรีย์-วัดพระแก้วเงียบ
มีรายงานว่า บรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และตลอดเส้นทางถนนราชดำเนินกลางยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีการรวมตัวของกลุ่มต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่อย่างใด
ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณนี้ยังมีการวางกำลังทหารจำนวนหนึ่งประจำการ เพื่อเฝ้าระวังและสังเกตการควบคุมสถานการณ์หากเกิดเหตุฉุกเฉิน สำหรับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) สถานการณ์ยังเป็นปกติ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเข้าเที่ยวชมความงดงาม โดยยังไม่พบกลุ่มต่อต้าน คสช.มารวมตัวเช่นกัน รวมทั้งยังไม่พบ น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง อดีตหัวหน้าฝ่ายกรมช่างทหารอากาศ ที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาความผิดอาญา มาตรา 112 ที่ใช้นามแฝงในเฟซบุ๊คว่า ผู้พันนักสู้ตัวจริงเดินทางมาบริเวณนี้ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช.ตามที่ได้มีการประกาศโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวแต่อย่างใด
คสช.ไม่ระงับ 3.5 แสนล้าน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกและโฆษก คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่เอกสารระบุว่า คสช.มีคำสั่งด่วน ให้ “ระงับ” ทบทวนใหม่หมดทุกโครงการที่เกี่ยวกับโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยส่งถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบนั้น ว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลและเห็นแต่เพียงเอกสารที่เป็นรูปภาพเผยแพร่กันในโซเชียลมีเดียเท่านั้น จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ คสช.ได้มีคำสั่งให้ชะลอโครงการ เพื่อทบทวนรายละเอียดโดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่ต่างๆ แต่ไม่ได้สั่งระงับ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า เนื่องจากจะต้องพิจารณาถึงรายละเอียดโครงการขนาดใหญ่ว่า เมื่อดำเนินการแล้วมีประโยชน์หรือไม่รวมถึงโครงการที่ยังไม่มีแผนงานที่สมบูรณ์ชัดเจน ซึ่งต้องทบทวนกันใหม่
วอน ขรก.ร่วมสมานฉันท์
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊คระบุว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน ข้าราชการทุกภาคส่วนต้องร่วมกันประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง นำพาความร่มเย็นเป็นสุขกลับคืนสู่ประเทศไทย ช่วยกันเสริมช่วยกันสร้างความสมัครสมานสามัคคีให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ได้แก่ การไม่ทุจริตคอรัปชั่น มีไมตรีจิตต่อพี่น้องประชาชน เป็นข้าราชการของแผ่นดินตามปรัชญาคำสอนพระราชทาน ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต มีความเสียสละ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นหัวใจในการบริหารราชการอย่างเคร่งครัด ยังให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง โดย ม.ล.ปนัดดา ขอความร่วมมือพี่น้องเพื่อนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พี่น้องกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพี่น้องประชาชน แจ้งข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของทางราชการ ทั้งที่ประจำการอยู่ในประเทศและต่างประเทศ มีพฤติกรรมอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ การแสดงข้อคิดเห็นและแนวทางการปฏิบัติงานในหน้าที่ทั้งต่อชาวไทยและชาวต่างประเทศในเชิงที่ไม่สร้างสรรค์ ต่อสำนักนายกรัฐมนตรี ทราบใน 3 ช่องทาง คือ 1.www.1111.go.th 2.ตู้ ป.ณ.1111 และ 3.สายด่วน 1111
ปชป.ไม่รู้อนาคตพรรค
วันเดียวกันนี้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อสงสัยกรณีการยื่นเรื่องถอดถอนบุคคลต่างๆ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องการถอดถอนในขณะนี้โดยเฉพาะนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่ยังค้างอยู่ในชั้นของวุฒิสภานั้น ก็มีปัญหา จึงอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะให้เป็นอำนาจของใครในการถอดถอน เพราะไม่มีวุฒิสภาแล้ว จะให้เป็นอำนาจของวุฒิสภาชุดใหม่ หรืออำนาจของ คสช. นอกจากนี้ยังมีหลายเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ อาทิ การถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. ก็ยังค้างคาอยู่ในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยประมาณ 3 เรื่อง ค้างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีปัญหาเนื่องจาก คสช.ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 จึงส่งผลให้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองต้องสิ้นสภาพ และทำให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงต้องรอดูว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะให้เป็นพรรคการเมืองเดิมต่อไป หรือจะให้จดทะเบียนขึ้นใหม่ ก็ต้องอยู่ที่การเขียนรัฐธรรมนูญ
ขณะนี้กฎหมายที่ คสช.ต้องเร่งนำมาพิจารณาและประกาศใช้ด่วน แต่ต้องปรับหลายอย่าง อาทิ กฎหมายภาษี กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายกระจายอำนาจ กฎหมายกองทุนน้ำมัน กฎหมายจำนวน ส.ส.และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกฎหมายการเข้าสู่การเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ
ชาวไทยปลื้มฝีมือ ”บิ๊กตู่”
วันเดียวกันนี้ (8 มิ.ย.) “สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจประชาชนคนไทยเกี่ยวกับความพอใจผลงาน คสช.ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลสรุปว่า 1.ประชาชนอยากรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะใช้เวลานานแค่ไหนในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เข้าสู่ภาวะปกติและจะยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ 2.การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ และช่วงเวลาใด 3.อยากรู้แนวทางการทำงานในการปฏิรูปบ้านเมือง ทิศทางของบ้านเมืองต่อจากนี้ รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีในปัจจุบัน 4.แนวทางการแก้ปัญหาด้านพลังงานที่มีราคาแพง เช่น แก๊ส น้ำมัน ไฟฟ้า การป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ 5.การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีต่างๆ เช่น คดีทางการเมือง หมิ่นเบื้องสูง การทุจริตคอรัปชั่นฯ ลฯ 6.วิธีการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศ การสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นการค้าการลงทุน การเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาเซียน
ส่วนข้อ 7.แนวทางการปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพ การกระจายโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึง 8.การช่วยเหลือดูแลเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องข้าว หนี้สินเกษตรกร 9.การให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัย ปัญหาว่างงาน ยาเสพติด ฯลฯ และ 10.สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
แจกใบปลิวแจงความจริง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) กลุ่มประชาชนที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มคนไทยผู้รักชาติ นำโดย พ.ญ.เชิดชู อริยะศรีวัฒนา แจกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรับทราบ ทั้งเอกสารภาษาไทย จีน อังกฤษ และเยอรมัน โดยเนื้อหาชี้แจงถึงความจำเป็นที่ทหารต้องออกมารักษาความมั่นคง และจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เพื่อเข้าสู่การปฏิรูปและการเลือกตั้งเพื่อให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จากนั้นได้ร่วมกันสวดมนต์เพื่ออธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย และดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ ปกป้องประเทศไทยให้มีความสงบสุข ปราศจากความวุ่นวาย ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนที่รักชาติ นำโดย พ.ญ.เชิดชู อริยะศรีวัฒนา ได้ไปยื่นหนังสือที่สำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เพื่อขอให้ยูเอ็น เตือนประเทศต่างๆ ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์และยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประเทศไทย
กต.ชี้แจงทูต-กงสุลใหญ่
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 11 มิ.ย.นี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยที่ประจำการในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป รวม 22 แห่ง เข้ามาหารือและทบทวนท่าทีของต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย รวมทั้งการดำเนินการเพื่อสร้างความเข้าใจแก่นานาประเทศ เกี่ยวกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่จะพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อทำความเข้าใจถึงความจำเป็นของการยึดอำนาจและแนวทางคืนความสงบให้กับประเทศ อนึ่ง ขณะนี้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการร่วมประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนและ การประชุมที่เกี่ยวข้องที่เนปิดอว์ โดยมีกว่า 26 ประเทศและสหภาพยุโรป เข้าร่วมประชุม โดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศจะใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจสถานการณ์การเมืองไทยด้วย
นายกฯ ใหม่ต้องเด็ดขาด
ด้านกรุงเทพโพล เผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 31 แห่ง จำนวน 60 คน เรื่องประเทศไทยบนโหมดปฏิรูป ส่วนใหญ่เห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรมีคุณสมบัติเป็นคนเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ และให้ความสำคัญกับการปฏิรูป รองลงมาควรเป็นคนประนีประนอมและเป็นที่ยอมรับทั้งฟาก กปปส. และ นปช. เมื่อถามถึงกรอบเวลาในการบริหารประเทศที่เหมาะสมเห็นว่าไม่ควรเกิน 1 ปี
สำหรับประเด็นการปฏิรูปว่าควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองหรือไม่ ทั้งหมดเห็นว่าควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองโดยให้เหตุผลที่สำคัญว่า นักการเมืองเป็นผู้รู้ปัญหาและผู้สร้างปัญหาในภาคปฏิบัติจึงต้องเลือกคนที่ เป็นกลางและมีจำนวนไม่มาก หากขาดคนกลุ่มนี้อาจเกิดการไม่ยอมรับในภายหลัง ส่วนที่เห็นว่าไม่ควรมีตัวแทนจากภาคการเมืองโดยให้เหตุผลว่าภาคการเมืองเป็นต้นเหตุของปัญหาสำคัญที่ทำให้ต้องมีการปฏิรูปประเทศ จึงไม่ควรมีทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นกลาง เพื่อความเป็นอิสระปราศจากอิทธิพลทางการเมือง ไม่มีการปกป้องผลประโยชน์ทางการเมือง
ส่วนเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ต้องการให้มีการปฏิรูปมากที่สุด คือ ด้านการเมืองต้องการให้ปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาการทุจริต คอรัปชั่น ในทุกระดับ ด้านเศรษฐกิจต้องการให้ปฏิรูประบบภาษี (ไม่ว่าจะเป็น ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้ กระจายความเจริญไปยังภูมิภาคให้มากขึ้น
คืนความสุขที่ตลิ่งชัน
วันเดียวกันนี้ กองบังคับการ กรมทหารราบที่ 9 กองพันทหารราบที่ 1 ร่วมกับสำนักงานเขตตลิ่งชัน ได้จัดกิจกรรม “คสช.= ความสุขคนทั้งชาติ” ในพื้นที่ตลิ่งชัน ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการจัดโครงการคืนความสุขสู่ประชาชน เพื่อเสริมสร้างความรักความสามัคคี ซึ่ง คสช.ได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในพื้นที่ กทม.และ ต่างจังหวัดโดยเมื่อเวลา 09.30 น. พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 9 กองพันทหารราบที่ 1 ได้เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม คสช = ความสุขของคนทั้งชาติ ซึ่งมี พ.ท.สถาพร เตี๊ยะเพชรดี สังกัดกรมทหารราบที่ 9 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7, นายมานิต เตชอภิโชค รองปลัดกรุงเทพฯ และนางชนัญยา จาดชนบท ผู้อำนวยการเขตตลิ่งชัน ร่วมพิธีจัดงานที่จัดขึ้นภายใน วัดอินทราวาส เขตตลิ่งชัน ขณะที่ภายในงาน มีประชาชนที่อยู่ในพื้นที่พาบุตร-หลาน เดินทางร่วมงานอย่างคึกคัก ภายในงานมีการแสดงดนตรีพร้อมหางเครื่องอลังการ จากชุดปฏิบัติการจิตวิทยา กรมทหารพรานที่ 14 สร้างความบันเทิงตลอดทั้งงาน
นอกจากนี้บริเวณศาลาวัด ทาง กทม.และ หน่วยทหาร ยังได้จัดให้มีบริการหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่ ตรวจสุขภาพประชาชน และการฝึกอาชีพระยะสั้น การบริการนวด-ตัดผม รวมทั้งการบริการอาหาร-เครื่องดื่มฟรีให้ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย ด้าน พ.ท.สถาพร เตี๊ยะเพชรดี ผบ.ร.9 พัน.1 กล่าวว่า ในส่วนของกรมทหารราบที่ 9 ดูแลการ จัดกิจกรรม ใน 3 พื้นที่ ประกอบด้วย เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด และเขตทวีวัฒนา โดยวันนี้เป็นวันแรกที่เราได้จัดกิจกรรมในพื้นที่ตลิ่งชัน ซึ่งวันที่ 12 มิ.ย. เราจะเดินหน้าจัดกิจกรรมเช่นนี้อีกในพื้นที่เขตทวีวัฒนา
พท.ค้านยุบกองทุนน้ำมัน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้มีการพูดกันมากในเรื่องควรยุบหรือไม่ควรยุบกองทุนน้ำมัน จึงขอให้ความเห็นว่า กองทุนน้ำมันควรจะต้องมีอยู่ แต่จะต้องมีหน้าที่หลักตามจุดประสงค์เดิมคือ การรักษาเสถียรภาพของราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมัน ถ้าราคาน้ำมันแพงก็เข้าแทรกแซง ถ้าราคาถูกก็เข้าไปเก็บ เพื่อให้ประชาชนและหน่วยธุรกิจไม่เดือดร้อนกับการผันผวนของราคา และน่าจะใช้กองทุนนี้ในการเพิ่มสำรองน้ำมันของประเทศเพื่อสร้างความมั่นคงของพลังงาน ปัจจุบันมีสำรองอยู่เพียงแค่ประมาณ 40 วันเท่านั้น ปัจจุบันกองทุนน้ำมันถูกใช้ในการสนับสนุนราคาพลังงานทั้ง ก๊าซ LPG และ ดีเซล (เมื่อเกิน 30 บาท) ซึ่งไม่ถูกต้อง
ดังนั้น การปรับราคาพลังงานเพื่อสะท้อนต้นทุนจึงจำเป็น และตนก็ได้เริ่มขั้นตอนนั้นแล้วในขณะดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน เพื่อไม่ให้มีการนำกองทุนน้ำมันนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ และไม่ยุติธรรมกับผู้ใช้น้ำมันและต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ดังนั้นกองทุนน้ำมันก็ควรมีอยู่แต่ต้องไปทำหน้าที่หลัก ในขณะที่การปรับราคาพลังงานเพื่อสะท้อนต้นทุนก็ต้องทำ อย่าสับสนและเอามาปนกันจนประชาชนสับสน
ผู้ชุมนุม 5 คนแอบโผล่ชู 3 นิ้ว
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น. ที่หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ได้มีกลุ่มบุคคลเป็นหญิงจำนวน 5 ราย รวมตัวกันแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการควบคุมอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีการชู 3 นิ้ว พร้อมปิดปาก และเดินคล้องแขนหน้ากระดาน ตั้งแต่บริเวณลานน้ำพุ สยามพารากอน ไปยังภายในห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ และเดินวน 1 รอบก่อนจะซื้อตั๋วบีทีเอส และแยกย้ายกันกลับออกจากพื้นที่ ซึ่งระหว่างที่ทั้ง 5 คนเดินอยู่นั้น ได้มีการตะโกนคำว่า อย่าคุกคามประชาชน ทั้งนี้ ได้มีการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้สื่อต่างชาติเข้าใจในการแสดงกิจกรรมดังกล่าวด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เข้าไปควบคุมตัวแต่อย่างใด เพียงถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบเท่านั้น
พท.งดเคลื่อนไหวการเมือง
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ช่วงนี้สมาชิกพรรคพรรคเพื่อไทยต้องระวังเรื่องการสื่อสาร ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาจเข้าใจผิดได้ และเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) เป็นหัวหน้า คสช.แล้ว ก็ต้องให้เวลา ให้โอกาส คสช.ได้ทำงานไป ส่วนพรรคเพื่อไทยจะหยุดการเคลื่อนไหวจนกว่าจะเห็นโรดแม็พของ คสช.ที่ชัดเจน ทั้งนี้หาก คสช.เชิญไปร่วมเสวนาปรองดองสมานฉันท์ก็พร้อมให้ความร่วมมือและเสนอความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาในเชิงสร้างสรรค์
ถามว่าขณะนี้คณะกรรมการกิจการบริหารพรรคเพื่อไทย ยังสามัคคีกันอยู่หรือไม่ มีการหารือหรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองบ้างหรือไม่ นายชวลิต กล่าวว่า ยังคุยกันอยู่ รักกันดี ยิ่งมีวิกฤติทางการเมืองยิ่งรักและห่วงใยกัน เราก็ได้แต่หวังให้บ้านเมืองสงบและเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ขณะนี้สมาชิกพรรคไม่ได้เข้าพรรคแต่อย่างไร เพราะมีคำสั่งของ คสช.ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ส่วนตนก็กลับบ้านพักผ่อนอยู่ที่ จ.นครพนม เข้าสวน ปลูกต้นไม้ เลี้ยงปลา และติดตามข่าวสารอยู่เสมอๆ ส่วนจะมีการปรับโครงสร้างภายในพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่กรรมการบริหารพรรคจะต้องคุยกัน เมื่อเวลาและสถานการณ์เอื้ออำนวย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ พรรคก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ แต่เราจะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแน่นอน
เลิกเคอร์ฟิวอีก3แห่ง
ต่อมาเมื่อเวลา 19.36 น. วันนี้(8มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ลงนามในประกาศ คสช. ฉบับที่ 56/2557 เรื่อง ยกเลิกการห้ามออนอกเคหสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม เนื่องจากสถานการณ์ในบางพื้นที่ได้คลี่คลายลงและไม่ปรากฏแนวโน้มของการเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงดังนั้นเพื่อเป็นมาตรการผ่อนคลาย และบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนจึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่อ.เกาะช้าง จ.ตราด อ.หาดใหญ่จ.สงขลา และอ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีสำหรับในพื้นที่อื่นให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. 2557 เรื่องห้ามออกนอกเคหสถาน ประกาศ คสช. ฉบับที่ 42/2557 ลงวันที่ 26 พ.ค. 2557 เรื่องแก้ไขห้วงเวลาห้ามออกนอกเคหสถานและประกาศ คสช. ฉบับที่ 52/2557 ลงวันที่ 3 มิ.ย. 2557 เรื่องยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่ ทั้งนี้ตั้งแต้บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 8 มิ.ย. 2557.
ออกหมายจับ”โด่ง-อรรถชัย”
มีรายงานว่า วันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้มอบอำนาจให้ พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ. มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. กรณีไม่มารายงานตัวตามกำหนด จากนั้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมสำนวนเพื่อขออนุมัติศาลทหารเพื่อออกหมายจับ จำนวน 10 ราย โดยมี 1.นายสำราญ สายชนะ 2.นายธนเดช เอกอภิวัชร์ 3.นายอรรถชัย อนันตเมฆ 4.นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ 5.นางหน่อย แดงเป้า 6.นายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม 7.นางสาวจิตรา คชเดช 8.นายพิพัฒน์ พรรณสุวรรณ์ 9.นายสิรภพ กรณ์อรุษ และ10.นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทั้ง 10 ราย ในความผิดฐาน ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ไม่มารายงานตัวตามกำหนด ตาม พ.ร.บ.กฏอัยการศึก พ.ศ.2557มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หมายจับมีอายุความ 10 ปี.
ชลบุรีพบกระสุนปืนพันนัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้( 8 มิ.ย.) พ.ต.ท.สมพลนาคขำพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.ชลบุรีรับแจ้งว่าพบกล่องต้องสงสัยซุกอยู่บริเวณพงหญ้า ในซอยบ้านสวน-เศรษฐกิจ 12 หมู่ 1ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) ในที่เกิดเหตุพบกล่องโฟมซุกซ่อนอยู่ในป่าหญ้าข้างทาง เมื่อตรวจดูภายในพบกล่องกระสุนปืนลูกซอง ยี่ห้ออีลี่อัลฟ่าแม๊ก จำนวน 8กล่องใหญ่ รวม 200 นัด นอกจากนี้ยังพบกล่องกระสุนปืนขนาด.22 จำนวน 1 กล่องใหญ่ และ 6 กล่องเล็ก รวมกระสุน 800 นัดข้างกันยังพบกล่องกระสุนขนาด .22 ซึ่งเป็นกล่องเปล่าอีก 4 กล่องเจ้าหน้าที่จึงเก็บทั้งหมดไว้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการตรวจสอบต่อยัง สภ.เมืองชลบุรีเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เจ้าของกระสุนปืนดังกล่าวน่าจะเกรงกลัวความผิด ตามคำสั่งของคสช.ที่ให้กวาดล้างอาวุธทำให้ผู้ที่ครอบครองเกิดความหวาดกลัว จึงนำกระสุนทั้งหมดมาทิ้งไว้ ส่วนจะมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับเรื่องความไม่สงบทางการเมืองหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่.
วันที่ 9/06/2557 เวลา 5:18 น.