สสว.เปิดโครงการบ่มเพาะ SMEs ที่โคราช

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) เปิดโครงการบ่มเพาะ SMEs ไทยก้าวไกลสู่ AEC ที่โคราช เผยภาคอีสาน 1 มากเป็นอันดับต้นของประเทศไทย ผู้ประกอบการกว่า 76,000 รายก่อให้เกิดการจ้างงาน 275,893 คน

นครราชสีมา/ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องสุรนารีแกรนด์บอลรูม โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการบ่มเพาะSMEs ไทยก้าวไกลสู่ AEC พร้อมประกาศความเชื่อมั่นจะเป็นการช่วยเสริมศักยภาพ และความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งขยายโอกาสการตลาด และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการก่อนเข้าสู่ AEC พร้อมทั้งได้กล่าปาฐกถาพิเศษ โดยมีนายประเสริฐ บุญชัยสุข รักษาการ รมว.อุตสาหกรรมฯ และ ดร.วินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.นครราชสีมา ต้อนรับ โดยมีผู้ประกอบการรายย่อยเข้าร่วมสัมมนาจากภาคอีสานรวมกล่าว 2,000 คน โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นด้วยความร่วมมือของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) และหอการค้าไทย ซึ่งคาดว่า SMEs ในภาคการค้า และบริการทั่วประเทศกว่า 150 ราย จะพร้อมเข้าสู่ตลาดอาเซียนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการที่เข้ารับการบ่มเพาะในการช่วยเหลือและดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนเชื่อมโยงวิสาหกิจขนาดใหญ่ โดยดำเนินการบ่มเพาะผู้ประกอบการ SMEs ทั้งภาคการค้า ภาคการบริการและภาคการผลิตที่อยู่ในพื้นที่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ได้แก่ ภาคกลางและภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.นครราชสีมา ที่เป็นจังหวัดที่มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs มากที่สุดของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และมากเป็นอันดับต้นของประเทศไทย โดยมีจำนวนผู้ประกอบการ SMSs ถึงกว่า 76,000 รายก่อให้เกิดการจ้างงาน 275,893 คน สะท้อนได้ว่า SMEs เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นและของประเทศ ฉะนั้นโครงการฯที่กระทรวงฯ ดำเนินการอยู่นี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมศักยภาพ และขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการฯ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเข้มแข็ง และมีความพร้อมทั้งในการที่จะรับโอกาสและสภาพการแข่งขันที่จะมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงปาฐกถาในหัวข้อ SMEs รากฐานเศรษฐกิจไทย ก้าวไกลสู่ AEC โดยกล่าวว่า ในประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกระจายตัวไปในหลายสาขาทั้งภาคผลิต ภาคการค้า และภาคบริการ เนื่องจาก SMEs เป็นวิสาหกิจที่ใช้เงินทุนจำนวนไม่สูงมากนัก มีความคล่องตัวในการบริหารธุรกิจ และสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเริ่มอย่างเป็นทางการในปี 2558 นับเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้าง และสถานภาพเศรษฐกิจของไทย ดังนั้นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องปรับตัว และเตรียมความพร้อมรับกับโอกาสที่กำลังจะมาถึง รวมถึงการแข่งขันทางด้านธุรกิจที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อให้ SMEs ไทยสามารถปรับตัว และใช้ประโยชน์จาก AEC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายสุวัจน์ กล่าว

ด้านนายปฏิมา จีระแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า โครงการบ่มเพาะ SMEs ให้มีขีดความสามารถ และความพร้อมในการทำธุรกิจระหว่างประเทศจำนวนไม่น้อยกว่า 150 รายทั่วประเทศ จะมีการอบรมความรู้ในการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ รวมถึงการบริหารจัดการการค้ากับกลุ่ม AEC โดยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งประกอบด้วยทั้งหมด 20 จังหวัด มีข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคล (SMEs) กว่า 41,665 ราย และมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยมีความพร้อมพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้พร้อมรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

 

วันที่ 19/05/2557 เวลา 7:35 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

263

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน