มาร์คโต้โรดแม็พชาติพังข้อเสนอ10ขั้นกัน
“มาร์ค” โต้แหลกโรดแม็พไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ ยันข้อเสนอ 10 ขั้นเป็นทางออกยุตินองเลือด เตือนดึงดันเลือกตั้งบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ขณะที่ “ปชป.” ชูโรดแม็พมาร์คเป็นรูปธรรม ไม่ขัด รธน. จี้ปูรับป้องสงครามกลางเมือง-ปฏิวัติ เตือนเร่งออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งเท่ากับปิดประตูความหวังคนทั้งชาติ ด้าน “พท.” อัดกลับโรดแม็พมาร์ครัฐประหารซ่อนรูป-เพิ่มวิกฤติประเทศ เย้ยแค่ร่างทรงสุเทพก๊อบปี้แนวทาง กปปส.เป๊ะ ส่วน “ชทพ.” แนะ พท.-ปชป.หาจุดร่วมเพื่อชาติ ย้ำเลือกตั้งคือทางออกประเทศ ขณะที่ “พลังชล” หนุนเจรจาแก้วิกฤติขัดแย้ง เชื่อพูดคุยกันช่วยชาติสงบ ด้าน “สุเทพ” นำม็อบ กปปส.สวมเสื้อเหลืองเดินเท้าไปวัดพระแก้ว ทำพิธีสัตยาธิษฐาน
“มาร์ค” ยันโรดแม็พไม่ขัด รธน.
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อเสนอแนวทางออกของประเทศของตนไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญ หรือปฏิวัติเงียบ ซึ่งไม่มีใครกล้ายืนยันว่า เลือกตั้ง 20 ก.ค.57 หรือแม้จะเป็นเดือนอื่นแล้วจะสำเร็จ แม้แต่ทุกพรรคการเมืองที่ไปคุยกับ กกต. ก็ยอมรับว่าถ้าสภาพบ้านเมืองเป็นอย่างนี้การเลือกตั้งไม่สำเร็จ ต้องถามว่าระหว่างที่เดินไปเผชิญหน้ากันไป ไม่รู้จะไปจบที่ไหนเมื่อไหร่ กับการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญนี้ อันไหนที่จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หรือเป็นไปตามหลักประชาธิปไตยมากกว่ากัน ส่วนที่อ้างว่านายกรัฐมนตรีจะต้องรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่นั้น การลาออกถือเป็นเอกสิทธิ์ และการปรับคณะรัฐมนตรีก็เป็นอำนาจที่นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการได้ ไม่มีรัฐธรรมนูญตรงไหนห้าม ซึ่งในอดีตนายวิษณุ เครืองาม ก็เคยลาออกจากรองนายกฯ รักษาการ และนายกรัฐมนตรียังเคยปรับรัฐมนตรีออก เพราะฉะนั้นคำพูดที่บอกว่า การให้ใครลาออกนี้เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นความจริงและตามระบบรัฐสภา นายกรัฐมนตรีก็คือรัฐมนตรีคนหนึ่ง แม้นายกฯ จะไม่ยอมลาออกตอนนี้ แต่ถ้าศาลตัดสินให้รัฐธรรมนูญเขียนให้สรรหานายกฯ ภายใน 30 วัน ก็จะเกิดความขัดแย้งในการตีความ ทำไมเราต้องรอให้ความขัดแย้งในการตีความ มีการปลุกระดม ถ้ารัฐบาลเดินตามแผนที่ผมเสนอ กปปส.ยอมรับแผนนี้ ทุกอย่างก็ไม่ต้องมาขัดแย้งกัน แล้วรัฐบาลก็จะได้รู้ว่าอีก 5 เดือน 6 เดือน มีการเลือกตั้งที่มีความเรียบร้อย ขณะเดียวกันนั้นกระบวนการปฏิรูปก็เดินได้ทันที ด้วยการมีสภาปฏิรูป รัฐบาลคนกลาง ซึ่งแม้จะแก้กฎหมายไม่ได้ แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ก็เตรียมข้อเสนอไว้ ขณะเดียวกันกระบวนการประชามติก็จะเริ่มขึ้น ให้ประชาชนให้การสนับสนุนการปฏิรูป แล้วกระบวนการประชามติก็เป็นกระบวนการที่ถือว่าเป็นประชาธิปไตยที่ดีสุดกระบวนการหนึ่ง
ชี้ออก พ.ร.ฎ.เลือกตั้งไม่รับข้อเสนอ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้อยู่ในสถานการณ์ซึ่งไม่ปกติ หยิบรัฐธรรมนูญแค่ท่อนใดท่อนหนึ่งมา ใครทำก็ขัดทั้งนั้น เราต้องเทียบเคียงตามเจตนารมณ์ ที่จะนำกระบวนการนี้กลับเข้าสู่การเดินตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย เพราะว่าสิ่งที่ตนเรียกร้อง หรือกำหนดแผนนี้เป็นความสมัครใจไม่มีใครไปบังคับใคร ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความสงบของบ้านเมือง ส่วนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ประธานวุฒิสภาต้องไปพิจารณาแนวทางวิธีการสรรหาที่เหมาะสม แต่สำหรับตนได้กำหนดคุณสมบัติหลักๆ คือ รัฐบาลคนกลางต้องไม่มีนักการเมือง พรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยให้เป็นเอกสิทธิ์ของประธานวุฒิสภาในการสรรหา โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และเป็นคนที่มีใจกับการปฏิรูป สำหรับการทำประชามติมี 3 ประเด็น คือ 1.สภาปฏิรูปจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ที่จะมาทำหน้าที่ในการชงข้อเสนอต่างๆ ให้กับสภาผู้แทนฯ ชุดต่อไป 2.การปฏิรูปอาจจะระบุไปเลยว่าอย่างน้อยต้องทำเรื่องอะไร เช่น คอรัปชั่น การเลือกตั้ง การเมือง และอาจจะมีเรื่องอื่นๆ และ 3.ให้สภาปฏิรูป เป็นผู้นำเสนอให้สภาชุดต่อไปสานต่อ ถ้าประชาชนเห็นชอบ จะเป็นการสร้างความชอบธรรมในทางประชาธิปไตยให้กับตัวสภาปฏิรูป ให้กับประเด็นที่จะปฏิรูป และรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง โดยทุกพรรคการเมืองต้องช่วยกันรณรงค์การทำประชามติ เดินทางไปทั่วประเทศซึ่งจะเป็นการปูทางให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พรรคเพื่อไทยสามารถไปทำกิจกรรมภาคใต้ พวกตนก็ไปเหนือ ไปอีสาน กกต. ก็ไปได้ทุกที่ อย่างไรก็ตามหากในสัปดาห์นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งก็คงจะแสดงชัดว่าไม่ยอมรับข้อเสนอของตน แม้จะมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาได้ แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณชัดเจน แต่หากศาลตัดสินแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งไป เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ก็กังวลว่าอาจจะสาย หากเกิดมีปัญหาการตีความว่าจะต้องดำเนินการกันอย่างไรต่อไป และเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น
“ปชป.” จี้ปู รับโรดแม็พ 10 ขั้น มาร์ค
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แผนทางออกประเทศไทย ของนายอภิสิทธิ์ ถูกนำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านมาแล้ว 48 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือมีท่าทีตอบรับแต่อย่างใด มีเพียงแต่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกมาตอบโต้ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เหมือนทำตัวเป็นแกะดำที่มีพิษภัยทำให้สังคมไทยไปสู่จุดอับ การกล่าวอ้างว่า ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น ขอยืนยันว่า ข้อเสนอทั้งหมดได้ขับเคลื่อนไปตามกฎหมาย เพื่อยุติความสูญเสีย ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด และการทำรัฐประหารเกิดขึ้น ทั้งนี้อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตาสว่าง โดยเฉพาะในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 6 พ.ค. หาก ครม.พิจารณาเห็นชอบตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป เท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปิดประตูประเทศใส่ตัวเอง ใส่ประชาชน ทั้งที่รู้ว่าหากมีการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค. ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองแบบนี้ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ เหลือเวลาอีก 24 ชั่วโมงจะรอดูน้ำจิตน้ำใจของสตรีที่ชื่อยิ่งลักษณ์ว่า จะตัดสินใจหลีกเลี่ยงความสูญเสีย หรือว่าจะตัดสินใจลากประเทศไปสู่การนองเลือด และการปฏิวัติ
ขู่ฟ้องหมิ่นเด็จพี่ป้ายสีมาร์ค
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถลงเลือกตั้งได้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จากเหตุถูกปลดออกจากราชการ เป็นการโกหก ยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ มีคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งคดีความการถูกปลดออกจากราชการทหาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง โดยศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ขอให้นายพร้อมพงศ์หยุด ลดความน่าเชื่อถือ และทำให้สังคมเข้าใจผิด โดยหลังจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมที่จะดำเนินคดีกับนายพร้อมพงศ์ ข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งคิดว่าคงจะทำให้เราอาจไม่ได้เห็นหน้าโฆษกพรรคเพื่อไทยอีกสัก 2 ปีได้ ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าแผนนายอภิสิทธิ์ มีปัญหาใหญ่อย่างน้อย 5 ข้อนั้น ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รักษาการสามารถลาออกจากตำแหน่งได้ โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ประธานวุฒิสภาก็สามารถอยู่ในฐานะประธานรัฐสภา ก็สามารถทูลเกล้าฯ รายชื่อ นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ได้ ส่วนที่ไม่มี นปช. อยู่ในแผนข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ มองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา นปช.ไม่เคยมีแนวคิดเกี่ยวการปฏิรูปประเทศเลย มีแต่แนวคิดปฏิเสธท่าเดียว ดังนั้นจึงอยากให้นายนพดล หยุดพฤติกรรตอบโต้ แต่ขอให้เตรียมตัวไปสู้คดีในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่เซ็นเอ็มโอยูยกปราสาทพระวิหารให้ประเทศกัมพูชา
อัดจารุพงศ์ทำลายศักดิ์ศรี ขรก.มท.
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยออกมากล่าวอ้างว่าการที่กลุ่มผู้ชุมนุมชุม สรส.ได้คืนพื้นที่กระทรวง เป็นผลงานของตนเองนั้นเป็นเรื่องไม่จริง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้คืนพื้นที่ก่อนที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้เดินทางมาชุมนุมเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่นายจารุพงศ์จะต้องรับผิดชอบ และตรวจสอบ คือมีคลิปภาพที่กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ที่มาชุมนุมได้แต่งกายชุดเสื้อแดง เป็นเครื่องแบบเพื่อมาชุมนุมที่มีนายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย และนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการร่วมด้วย ดังนั้นจะต้องรับผิดชอบเพราะได้ปลุกปั่นและเกณฑ์คนมา โดยทั้งออกหนังสือทางลับ เพราะฉะนั้น จะไม่รับรู้หรือไม่รับผิดชอบไม่ได้ ศักดิ์ศรีข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถูกทำลายย่อยยับโดยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถือว่า มีวิธีคิดสนับสนุนรูปแบบการใช้ความรุนแรง และล้มล้างระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ชทพ.ย้ำเลือกตั้งเป็นทางออก ปท.
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมสนับสนุนทุกแนวทางออกให้ประเทศ ทั้งแผนปฏิรูปประเทศ 10 ขั้นของนายอภิสิทธิ์ และกุญแจ 5 ดอกหาทางออกให้ประเทศของนายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย แต่ต้องไม่ขัดหลักรัฐธรรมนูญ จึงขอให้แต่ละฝ่ายหาจุดร่วมแก้ไขปัญหาโดยปราศจากการเมืองหรือผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ มองว่าการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น และเชื่อว่าการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค.นี้ จะเป็นทางออก เพราะเป็นการเลือกตั้งเพื่อการปฏิรูปประเทศ จากนั้นอีก 1 ปี 6 เดือน จะมีการเลือกตั้งอีกครั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศ การให้สมาชิกวุฒิสภาสรรหานายกรัฐมนตรีคนกลาง ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนตัวยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์ขณะนี้ เนื่องจากใกล้เข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และยังมีกฎหมายหลายฉบับที่ค้างการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่จุดยืนพรรคชาติไทยพัฒนายังไม่มีแผนแถลงการณ์แนวทางปฏิรูป
พช.หนุนทุกฝ่ายนั่งลงเจรจา
นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวว่า โรดแม็พทางออกประเทศของนายอภิสิทธิ์ หลายฝ่ายคงรู้แล้วว่าปัญหาความขัดแย้งคืออะไรและเกิดจากอะไร ซึ่งทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสมานานมากแล้ว ดังนั้นทางพรรคจึงเห็นด้วยกับทุกฝ่ายที่พยายามจะออกมาแก้ไขปัญหา ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่ายเข้ามาช่วยกัน ทั้งนี้พรรคพลังชลขอสนับสนุนและให้กำลังใจทุกคนทุกฝ่ายที่พยายามเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าแนวทางการเจรจานั้น ทางพรรคคิดว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการหาทางออกด้วยการเจรจา ส่วนเนื้อหาหรือกรอบในการเจรจานั้นก็ต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเพื่อจะได้เดินหน้าต่อไปได้ พรรพลังชลเคารพในการเหตุผลของแต่ละฝ่าย คงไม่มีใครผิดหรือถูก ปัญหาก็คือเราต้องนำไปสู่การเจรจาให้ได้ก่อน โดยทุกฝ่ายจะต้องลดเงื่อนไขของตัวเองลงมา เพราะการเจรจาบนความขัดแย้งนั้น ไม่มีใครได้ 100 เปอร์เซ็นต์หรือเสียทั้งหมด แต่ละฝ่ายจะต้องยอมเสียสละเพื่อให้การเจรจาเดินหน้าไปได้ และนำไปสู่ทางออกก่อนที่ประเทศชาติจะเสียหายไปมากกว่านี้
พท.เย้ยมาร์คร่างทรงสุเทพ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเสนอทางออกประเทศของนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นการยอมรับแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงร่างทรงของนายสุเทพ เพราะข้อเสนอเหมือนนายสุเทพทั้งหมด เสียเวลาเดินสาย คิดว่าจะเป็นพระเอกที่แท้ก็แค่โจรป่า โผล่มาข่มขู่แล้วก็จากไป ขนาดนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ พุทธะอิสระ ยังยอมรับตรงกันว่าไม่มีอะไรใหม่ เหตุที่นายสุเทพยืมมือนายอภิสิทธิ์มาเสนอ เพราะต้นทุนนายสุเทพไม่เหลือ ทั้งหมดคือจะให้นายกฯ ลาออกให้ได้ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนกลาง ข้ออ้างปฏิรูปจึงเป็นเพียงนำจิ้มประกอบที่ขัดรัฐธรรมนูญ นายกต้องเป็น ส.ส. ไม่มีสภาให้ ส.ส.โหวตนายกฯ นายกฯ จะมาจากไหน ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์จึงเป็นรัฐประหารซ่อนรูป มัดมือชก ข่มขู่ประชาชน 65 ล้านคน ถ้าไม่เอาตามนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ บ้านเมืองจะไม่สงบ ทั้งที่ทางออกที่ง่ายที่เป็นธรรมและเป็นกลางที่สุด คือ การเลือกตั้ง ทุกพรรคต้องเสนอแนวทางปฏิรูป ออกกฎหมายให้มีสภาปฏิรูป 1 ปีคืนอำนาจ เลือกตั้งใหม่ เข้าใจว่า ปชป.กลัวแพ้เลือกตั้ง เพราะแพ้มา 20 ปี แต่ประชาชนควรเป็นผู้กำหนดกติกา นักการเมืองควรเป็นผู้เล่น ไม่ใช่กติกาที่ตัวเองแก้เอง พอแพ้ก็ตั้งท่าแก้ใหม่อยู่ร่ำไป ประชาชนควรเป็นผู้กำหนดกติกาให้นักการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองกำหนดอนาคตบ้านเมืองให้ประชาชน
ตอกมาร์คไม่อยู่กับร่องกับรอย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เสนอทางออกแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองขณะนี้ด้วยการปฏิรูปประเทศภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ จึงถูกต่อว่าจากแกนนำ กปปส. หลายคน ซึ่งนิยมอำนาจเผด็จการ อำนาจนอกระบบ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ต่อมาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.57 ถัดมาไม่กี่วัน นายอภิสิทธิ์กลับเสนอทางออกประเทศด้วยการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล มีนายกรัฐมนตรีมาจากคนกลาง นายอภิสิทธิ์ จึงถูกต่อว่าจากฝ่ายที่นิยมประชาธิปไตย ทั้งจากนักวิชาการ สื่อมวลชน พรรคการเมือง ฯลฯ ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง สรุปข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ทั้ง 2 ครั้ง ถูกต่อว่าทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งจากฝ่ายที่นิยมเผด็จการและฝ่ายที่นิยมประชาธิปไตย นอกจากนั้น กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ฯ ได้เรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีโดยตรงว่าต้องการให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ ถอยซัก 5-6 เดือนได้หรือไม่ ด้วยการลาออกจากนายกรัฐมนตรีนั้น แม้ตนจะตอบแทนท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ผมจำได้ว่า ท่านนายกรัฐมนตรีเคยประกาศต่อสาธารณะว่า “จะยอมตายในสนามประชาธิปไตย เหมือนกับที่ทหารยอมตายในสนามรบ” ผมมั่นใจว่าแม้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นสตรี แต่คงไม่ยอมกลับคำของท่านที่กล่าวต่อสาธารณะแน่นอน และในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง มั่นใจว่าคณะกรรมการกิจการพรรค ซึ่งจะประชุมในวันที่ 6 พ.ค.57 คงจะยืนยันยึดมั่นรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ และคงจะเป็นส่วนหนึ่งประกอบเป็นข้อคิดของท่านนายกรัฐมนตรีที่จะแถลงต่อสาธารณะต่อไป
สับโรดแม็พมาร์คเพิ่มวิกฤติชาติ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 6 พ.ค. เวลา 10.00 น. คณะกรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วยกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค คณะกรรมการประจำโซนภาคต่างๆ และแกนนำพรรค จะร่วมหารือถึงข้อเสนอทางออกประเทศ 10 ข้อ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างละเอียด จากนั้นพรรคจะออกแถลงการณ์ถึงจุดยืนของพรรคที่มีต่อข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ และจะนำแถลงการณ์ของพรรคให้ ส.ส. ไปอธิบายชี้แจงให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจด้วย เบื้องต้น เท่าที่แกนนำพรรคหารือเห็นตรงกันว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ที่ ให้นายกฯ และ ครม.ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ และรัฐบาลคนกลาง เป็นการผิดรัฐธรรมนูญและขัดระบอบประชาธิปไตย จะซ้ำเติมปัญหาให้เกิดวิกฤติมากกว่าการแก้ปัญหา เพราะการตั้งนายกฯ คนนอก ไม่ต่างจากนายกฯ มาตรา 7 ตามแนวทางของ กปปส. โดยแกนนำพรรคมองว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญปี 50 ถ้าทำได้ก็ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ และไม่เห็นด้วยให้นายกฯ ลาออก ขอให้นายกฯ ยึดหลักกฎหมาย ถ้าไปลาออกจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ที่ระบุว่า หลังจากยุบสภา รัฐบาลต้องอยู่รักษาการจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ ถ้าไปลาออกอาจถูกยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ากระทำผิดรัฐธรรมนูญได้ ไม่มีใครในพรรคเสนอให้นายกรัฐมนตรีลาออกตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์
“เด็จพี่” ไม่สน ปชป.ขู่ฟ้องยันเรื่องจริง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่นายชวนนท์ อินทรโกมาสุตย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์เตรียมที่จะดำเนินคดีกับตน ข้อหาหมิ่นประมาท ที่กล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่ลงสมัคร ส.ส. เพราะขาดคุณสมบัติ เนื่องจากถูกคำสั่งกระทรวงกลาโหม ปลดออกจากราชการนั้น จะฟ้องก็ไม่เป็นไร เพราะนายอภิสิทธิ์ถูกปลดออกจากราชการจริง ตนไม่ได้กล่าวหา เพราะกระทรวงกลาโหมก็มีคำสั่งปลดออกแล้ว อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันดี ตนไม่อยากพูดเรื่องการเมือง อยากจะพูดคุยถึงเรื่องที่มงคลเท่านั้น
“นพดล” ฉุนชวนนท์ลั่นฟ้องหมิ่น
นายนพดล ปัทมะ กล่าวว่า ตามที่ตนให้ความเห็นว่าข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ขัดรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย และตนได้เสนอกุญแจ 5 ดอก เพื่อหาทางออกให้ประเทศเพื่อให้สังคมได้พิจารณาหาทางออกร่วมกัน โดยวิธีการของตนนั้น ไม่เว้นวรรครัฐธรรมนูญ ไม่เว้นวรรคการเลือกตั้ง ไม่เอานายกฯ คนกลาง ไม่ให้วุฒิสภาแต่งตั้งนายกฯ และเน้นการปฏิรูปคู่เลือกตั้ง แต่พรรค ปชป. แทนที่จะวิจารณ์ข้อเสนอของตนตามเนื้อหา นายชวนนท์ ออกมาใส่ร้ายตนด้วยความเท็จว่าไม่ควรตอบโต้นายอภิสิทธิ์ แต่ควรเอาเวลาไปต่อสู้คดีในศาลฎีกา ในคดีที่ไปเซ็นเอ็มโอยูยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา ความจริงตนไม่เคยให้ราคานายชวนนท์ เพราะเป็นคนที่ชอบแกว่งปากหาเสี้ยนอยู่เป็นประจำ แต่ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า สิ่งที่นายชวนนท์กล่าวหาผมเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง เป็นการใส่ร้ายในระดับต่ำที่นักการเมืองไม่พึงกระทำ เพราะผมไม่เคยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา แต่ปราสาทตกเป็นของกัมพูชามาตั้งแต่ 51 ปีที่แล้ว ตามคำตัดสินของศาลโลกที่ไทยแพ้คดี และหนึ่งในทนายความก็คืออดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสียแรงที่นายชวนนท์เคยเป็นเลขานุการรัฐมนตรีฯ ต่างประเทศ แต่ขาดความรู้ ความจริงศาลโลกก็ตัดสินเมื่อปลายปีที่แล้ว และในข้อ 27 ของคำตัดสินก็ยืนยันว่ากัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น ไม่รวมพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ไปด้วย และผู้ที่ปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ไม่ให้กัมพูชานำไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกคือรัฐบาลนายสมัครและผม พวกผมเป็นผู้ปกป้องดินแดน ผมไม่ใช่นักการพนัน และผมไม่เคยถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ผมจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะกล่าวร้ายคนอื่นด้วยความเท็จ วันนี้ผมได้ขอให้ทีมทนายความฟ้องหมิ่นประมาทนายชวนนท์โดยเร็วที่สุด เพราะผมถือว่าใครก็ตามที่นำความเท็จมาใส่ร้ายกัน เป็นตัวอย่างที่เลวทั้งสิ้น
แดงย้ำชุมนุมใหญ่ ถ.อักษะ 10 พ.ค.
นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมของ นปช.ในช่วงเวลานี้ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ในช่วงเย็นจะมีเวทีการชุมนุมที่ท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี ส่วนวันที่ 7 พฤษภาคม จากเดิมแกนนำ นปช.จะเปิดเวทีการชุมนุมที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง แต่ล่าสุดได้ยกเลิกและปรับเปลี่ยนให้เป็นการแถลงข่าวที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ในเวลา 13.00 น.ตามปกติแทน ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ 7-9 พฤษภาคม จะเป็นการแถลงข่าวที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลฯ เพื่อเตรียมความพร้อมมวลชน นปช.ก่อนจะมีเวทีการชุมนุมใหญ่ที่ ถ.อักษะ ในวันที่ 10 พฤษภาคม ซึ่งกำหนดการชุมนุมใหญ่ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณากรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ เพราะเราไม่ได้ชุมนุมเพื่อกดดันใคร ประชาชนรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นกลางหรือไม่เป็นกลาง วันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เป็นร่างทรงของประชาชน นปช.ก็มีประชาชนหนุนหลังเหมือนกัน-
“สุเทพ” นำ กปปส.ทำพิธีสัตยาธิษฐาน
ขณะที่เมื่อเวลา 14.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยแกนนำ กปปส. อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ได้เริ่มเดินนำมวลชน กปปส. เพื่อไปทำพิธีสัตยาธิษฐานที่บริเวณสนามหลวง โดยแกนนำ กปปส.ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีเหลือง พร้อมกันนั้น ยังมีกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือธงชาติและธงสีเหลืองมีตราพระปรมาภิไธยนำหน้าขบวน พร้อมด้วยป้ายข้อความ “รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” โดยระหว่างการเดินขบวนนั้นมวลชนต่างพากันนำพระบรมฉายาลักษณ์มาถือ พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญ สลับกับเป่านกหวีดเป็นระยะ ทั้งนี้ ในเบื้องต้นขบวนจะใช้เส้นทาง ถนนพระราม 4 ผ่านหัวลำโพง ผ่านถนนเยาวราช ผ่านเมอรี่คิง เลี้ยวซ้ายแยกสามยอด เลี้ยวขวาผ่านวังสราญรมณ์ ผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม ผ่านศาลหลักเมือง ไปยังที่หมายถนนราชดำเนิน ใกล้สนามหลวง ซึ่งจะเป็นพื้นที่ตั้งเวทีทำกิจกรรมต่อไป โดยจะมีกิจกรรมถวายพระพรในเวลา 19.00 น. และพิธีสัตยาธิษฐานในเวลา 20.00 น.
“พุทธะอิสระ” เตรียมรื้อเวทีแจ้งวัฒนะ
ด้านที่เวที กปปส.แจ้งวัฒนะ พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า ที่มารดาของ พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล ให้นำการ์ด กปปส.ที่ทำร้ายลูกชายมามอบตัวนั้น ยอมรับความผิดพลาดและขออภัยต่อครอบครัวของ พ.อ.วิทวัส วัฒนกุล กรณีการ์ดเวทีการชุมนุมแจ้งวัฒนะ ทำร้ายร่างกายก่อนหน้านี้ และยืนยันว่า พร้อมจะนำการ์ดทั้ง 5 คน ไปมอบตัวกับตำรวจ แต่ขอมอบตัวหลังวันที่ 18 พ.ค. เนื่องจากต้องใช้กำลังการ์ดดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุมที่จะเดินทางไปถวายคืนพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่วังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าใจหัวใจคนเป็นพ่อแม่ เราขออภัยจริงๆ แต่ก็ขอให้เข้าใจเราด้วย เพราะในสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างนั้น เพิ่งมีการยิง M79 แล้วมีชายฉกรรจ์พยายามจะผ่านด่านตรวจ บรรยากาศก็ตึงเครียด ยืนยันว่าการ์ดไม่ได้ตั้งใจหรืออยากทำร้ายใคร ตั้งแต่เกิดเหตุเราได้นำการ์ดไปมอบตัวแล้ว แต่ยังไม่มีเจ้าทุกข์ ตอนนี้เราพร้อมจะนำตัวการ์ดไปมอบตัว แต่ขอกลับจากประจวบคีรีขันธ์ก่อน ทั้งนี้หลังกลับจากประจวบคีรีขันธ์จะรื้อเวทีแจ้งวัฒนะแล้วย้ายเวทีเข้าไปที่หน้าอาคาร B ในศูนย์ราชการ ซึ่งเชื่อว่าจะแก้ปัญหาจราจร ลดความเสี่ยงการกระทบกระทั่งกันโดยไม่จำเป็น โดยพรุ่งนี้จะทำหนังสือแจ้งเชิญหน่วยงานในบริเวณการชุมนุม เพื่อมาประชุมกันในวันพุธนี้ โดยจะขอใช้พื้นที่ภายในอาคาร B เฉพาะเวลากลางคืนเพื่อให้ผู้ชุมนุมได้ใช้พักค้างคืน
วันที่ 6/05/2557 เวลา 8:05 น.