“ณัฏฐนันท์ คุณาจิระกุล”
เพลินใจกรุ๊ป เจ้าตลาด ธุรกิจอสังหาริมทรัย์ในจังหวัดระยอง ต่อยอดธุรกิจเทียบชั้นสากล เตรียมแผน เข้าตลาดระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เผยจุดเด่น มองลูกค้าคือคนในครอบครัว ไม่เอาเปรียบ ไม่หวั่นรายใหญ่จาก กทม. ลงแข่งรู้พฤติกรรมลูกค้า เตรียมเปิด “ดิ โอโซน” ไลฟ์สไตล์มอลล์ แห่งแรกของระยองอย่างเป็นทางการปลายปีนี้
O แม่ทัพหญิงเพลินใจกรุ๊ป
วันนี้ “ทีมข่าวบ้านเมือง” มีโอกาสสัมภาษณ์ “ณัฏฐนันท์ (สุกี้) คุณาจิระกุล” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานกลุ่มบริษัท เพลินใจกรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดระยอง โดย เพลินใจกรุ๊ป ดำเนินธุรกิจมากว่า 27 ปี วันนี้ คุณณัฏฐนันท์ หรือคุณสุกี้ ไม่หยุดอยู่เพียงผู้พัฒนาอสังหาฯ ในจังหวัดระยองเท่านั้น แต่เธอคิดให้ใหญ่ เตรียมฟอร์มบริษัท เพลินใจกรุ๊ปฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คุณณัฏฐนันท์ เปิดเผยว่า สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท บริหารจัดการมหาบัณฑิต สาขานโยบายองค์กร มหาวิทยาลัยบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรังสิต กรุงเทพฯ และประกาศนียบัตร ภาษาจีนศึกษา จากมหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
เนื่องจากธุรกิจมีลักษณะเป็นธุรกิจแบบครอบครัว คุณพ่อทำธุรกิจ มีคุณแม่และลูกๆ ช่วยทำทุกอย่างในบริษัท ส่งผลให้ของคุณณัฏฐนันท์ เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างโชกโชน และเมื่อรับช่วงธุรกิจจากคุณพ่อ ก็เริ่มจากการรับผิดชอบโครงการบ้านจัดสรรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เพลินใจ กรุ๊ป จำกัด โครงการ หมู่บ้านเพลินใจ ทาวน์โฮม และโครงการหมู่บ้านเพลินฝัน พาร์ควิลล์ มาบตาพุด จังหวัดระยอง
“เมื่อปี 40 เศรษฐกิจไม่ดี บ้านของโครงการเพลินใจก็ยังขายได้ แม้จะขายได้น้อยลง แต่เราก็สามารถรอดพ้นจากวิกฤติในครั้งนั้นมาได้”
O 27 ปี ขาใหญ่วงการอสังหาฯ ระยอง
บริษัทเพลินใจกรุ๊ป เริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2530 โครงการบ้านเพลินใจ 1 เนื้อที่ 21 ไร่ มูลค่าโครงการ 100 ล้านบาทปี 2535 โครงการบ้านเพลินใจ 2 เนื้อที่ 300 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ปี 2547 โครงการบ้านเพลินใจ 3 (เฟส 1) เนื้อที่ 30 ไร่ มูลค่าโครงการ 150 ล้านบาทปี 2548 โครงการบ้านเพลินใจ 3 (เฟส 2) เนื้อที่ 17 ไร่ มูลค่าโครงการ 100 ล้านบาท
ปี 2549 โครงการบ้านเพลินใจ 4 เนื้อที่ 85 ไร่ มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท ปี 2550 โครงการบ้านเพลินฝัน พาร์ค วิลล์ เนื้อที่ 14 ไร่ มูลค่าโครงการ 80 ล้านบาท อาคาร บี.เจ. เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ 6 ชั้น มูลค่าโครงการ 75 ล้านบาท ปี 2550-ปัจจุบัน โครงการบ้านเพลินใจ 5 เนื้อที่ 350 ไร่ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท
โครงการเพลินใจ 5 แบ่งการพัฒนาโครงการออกเป็น 4 เฟส เฟสที่ 1 ก่อสร้างสถานีขนส่งแห่งที่ 2 เพื่อมอบให้เป็นสาธารณะสมบัติของจังหวัดระยอง ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารพาณิชย์จำนวน 200 อาคาร มูลค่า 600 ล้านบาท (ปัจจุบันขายหมดแล้ว)
เฟสที่ 2 ก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ขนาด 5,000 ตารางเมตร มูลค่า 250 ล้านบาท สร้างโฮมออฟฟิศ จำนวน 250 ยูนิต (เริ่มขายและก่อสร้างมกราคม 2556) และคอนโดมีเนียม low-rise จำนวน 4 อาคาร บนเนื้อที่ 7 ไร่ พื้นที่ขาย 13,900 ตารางเมตร หรือจำนวน 315 ยูนิต ตั้งอยู่บริเวณตรงข้าม The O-Zone life style mall มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท (เริ่มก่อสร้างปี 2557)
เฟสที่ 3 ก่อสร้างศูนย์ประชุม (convention center) บนเนื้อที่ 20 ไร่ (คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2558) ก่อสร้างทาวน์โฮมส์เพื่อการลงทุนสาหรับรายย่อยอีก 200 ยูนิต และพัฒนาพื้นที่ในส่วนที่เหลือให้สอดคล้องกับสภาพการเติบโตของโครงการ ณ ขณะนั้น เฟสที่ 4 เป็นโปรเจกต์แยก จะสร้างโรงแรม คาดว่าทุกโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2558
“จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก เพลินใจกรุ๊ปตอกย้ำความมั่นใจในระบบบริหารที่เชื่อมต่อกันอย่างลงตัว ด้วยประสบการณ์ 27 ปี สร้างบ้านขายมาแล้วกว่า 2,000 หลัง เมื่อคลื่นลูกใหม่เข้ามาบริหารสิ่งที่เพลินใจจะยังคงรักษาไว้ คือความจริงใจกับลูกค้า นโยบายราคาแบบลูกค้าซื้อได้-เราอยู่ได้ และสิ่งที่จะเปลี่ยนไปคือการทำบ้านให้โดนใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุด เราจะมีการทำวิเคราะห์การตลาด (market research) มากขึ้น จะใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างที่ดีขึ้น และจะพัฒนาคุณภาพและบริการให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”
O ระยอง กำลังซื้อสูง
ปัจจุบันเศรษฐกิจจังหวัดระยองเติบโตขึ้นอย่างมาก เห็นได้จากการลงทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดระยอง ส่งผลให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แม้ขณะนี้เศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ก็ไม่ลดลงมากนัก
นอกจากนี้ ลูกค้าในจังหวัดระยองทั้งคนในท้องถิ่นและต่างถิ่นมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง มีความต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในจังหวัดระยอง เพราะส่วนใหญ่เป็นพนักงานเงินเดือนมีรายได้เฉลี่ย 30,000-70,000 บาท ขณะที่ไลฟ์สไตล์คนระยองเริ่มเปลี่ยนไปจากการลงทุนซื้อบ้านและที่ดินมาเป็นการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
“เศรษฐกิจในระยองแย่ลงนิดหน่อย ขายบ้านได้น้อยลงนิดหน่อย ไม่มาก มีการขายได้เรื่อยๆ ค่าครองชีพในระยองสูงมาก มีกำลังซื้อสูงต้องสร้างแรงกระตุ้นการซื้อตลอดเวลา ลูกค้าซื้อปล่อยเช่ามาก เราเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่รู้จัดพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการซื้ออสังหาฯ ดีกว่า นักลงทุนต่างถิ่นจึงไม่กังวลเรื่องกลยุทธ์ในการขาย”
ผลจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ที่ดินในจังหวัดระยองมีการซื้อขายจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ขณะที่ราคาที่ดินก็สูงขึ้นทุกปี ล่าสุดที่ดินในเขตตัวเมืองระยอง บริเวณถนนสาย 36 มีนักลงทุนกว้านซื้อไปเกือบหมดแล้ว เนื่องจากเป็นย่านค้าปลีกและร้านวัสดุก่อสร้าง ส่วนย่านบายพาสทับมา ต.ทับมา อ.เมืองระยอง บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระยองแห่งที่ 2 ซึ่งในอนาคตจะเป็นเส้นทางโครงข่ายการลงทุนรถไฟความเร็วสูง ราคาที่ดินขยับตัวสูงมาก
O รองรับฮับตะวันออก
จากปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้เพลินใจกรุ๊ปได้ปรับรูปแบบการลงทุนโครงการเพลินใจ 5 บนถนนบายพาสทับมา จากโครงการชุมชนเมืองใหม่ที่มีทั้งบ้านจัดสรร โรงแรม ตลาดสด และสถานีขนส่งให้เป็นคอมเมอร์เชียลมอลล์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ และสอดคล้องกับการเจริญเติบโตของเมือง พร้อมทั้งรองรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่ง (Hub) ภาคตะวันออกในอนาคต
“ลูกค้าของเพลินใจส่วนมากเป็นลูกค้าคนไทย เพราะอยู่ในตัวเมืองเป็นหลัก ซึ่งเพลินใจถนัดขายคนไทย จึงทำสิ่งที่เราถนัดจุดแข็งของเราคือ บริการหลังการขาย และเข้าใจลูกค้า อยู่ในวงการมานาน ลูกค้าส่วนมากเป็นลูกค้าเก่ากลับมาซื้อซ้ำในรุ่นลูกและรุ่นหลาน หรือขายเพื่อการลงทุน บอกต่อกัน และเราต้องราคาไม่แพง ให้ลูกค้าสามารถมีส่วนต่างนำไปหากำไรทั้งปล่อยเช่า และขายต่อได้กำไรในอนาคต”
O “ดิ โอโซน” ไลฟ์สไตล์มอลล์
คุณณัฏฐนันท์ เล่าต่อว่า บริษัท เพลินใจ กรุ๊ป ลงทุน 250 ล้านบาท เปิดห้าง “ดิ โอโซน” ไลฟ์สไตล์ มอลล์ แห่งแรกของจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงที่สุดในประเทศไทย เพราะเป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ที่ตั้งของ ห้างฯ ถือเป็นทำเลทองบนพื้นที่ 10.2 ไร่ ติดถนนสายหลัก คือถนนเลี่ยงเมืองสาย 3 จังหวัดระยอง เชื่อมระหว่าง ถนนสุขุมวิท และ ถนนมอร์เตอร์เวย์ แถมติดกับสถานีขนส่งใหม่จังหวัดระยอง ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รายรอบด้วยที่อยู่อาศัยของกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพกว่า 50,000 ครัวเรือน และโครงการที่พักอาศัยอีกมากกว่า 20 โครงการภายในรัศมี 3-5 กม.
เป็นศูนย์การค้าแบบเปิด 2 ชั้น บนที่พื้นที่ 5,000 ตรม. ก่อสร้างภายใต้คอนเซปต์ร่วมสมัยผสานการรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Modern Contemporary Green Concept) ตกแต่งภายนอกใกล้ชิดธรรมชาติท่ามกลางสวนไม้นานาพันธุ์ ผนวกประสิทธิภาพของเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศภายในอาคาร เพื่อการสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด
เปิดให้บริการแล้วแต่ยังไม่เป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีผู้เช่าพื้นที่แล้วกว่า 60% แม้จะมองว่า ร้านค้าในศูนย์ยังน้อยอยู่ แต่เราต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาเดินในมอลล์เห็นว่า มีร้านค้าแบรนด์ดังชั้นนำ จาก ต่างประเทศ เข้ามาเป็นบริการ ไดโซะ Tom’n Toms ฯลฯ ลูกค้ามอลล์โดยรวม จะเป็นระดับกลาง ขึ้นไป แม้ลูกค้าจะยังไม่เยอะมากแต่เราจัดกิจกรรมกระตุ้นทางการตลาดทุกเดือน และตามเทศกาลด้วย ส่วนลูกค้านักท่องเที่ยว เราจะทำการตลาดหลังจากมีผู้เช่าพื้นที่ มากกว่า 80% ขึ้นไป คาดว่าสิ้นปีนี้จะเปิดมอลล์อย่างเป็นทางการ
“ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยองมีการแข่งขันสูง บริษัทขนาดใหญ่จาก กทม. อาทิ แสนสิริ ศุภาลัย คิวเฮาส์ เข้าในบุกตลาดระยองจำนวนมาก ล้วนแต่ทำโครงการขนาดใหญ่ แต่นักธุรกิจระยองรุ่นใหม่ไม่ทำโครงการขนาดใหญ่ ถือเป็นข้อดีของธุรกิจท้องถิ่น เพราะเศรษฐกิจเปลี่ยนเร็ว สามารถปิดการขายเร็ว ส่วนเพลินใจก็มีจุดแข็งของตนเอง เรารู้พฤติกรรมลูกค้า สินค้า เราขายได้ตลอด แม้ยามเศรษฐกิจไม่ดี เราก็ขายได้ และไม่มีแผนจะออกไปออกไปลงทุนในแถบประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากที่ดินในมือยังมีอีกจำนวนมาก”
O เพลินใจแต่งตัวเข้าตลาดหุ้น
คุณณัฏฐนันท์ กล่าวต่อไปอีกว่า แผนระยะยาวของบริษัทฯ ต้องการเห็น เพลินใจ เป็นธุรกิจในระดับสากล จึงมีแนวคิดจะนำ บริษัท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 2 ปีจากนี้ไป โดยเห็นว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นแหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ ซึ่งในขณะที่กำลังเตรียม จัดรูปแบบบริษัทให้พร้อม ทั้งด้านระบบงาน ระบบบัญชี เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท นอกจากจะเป็นมาตรฐานสากล มีระบบธรรมาภิบาลที่ดี ระบบการเงินเป็นมาตรฐาน โปร่งใส ลูกค้าจะได้รับงานบริการที่ดี สินค้ามีคุณภาพ
สำหรับการเปิดเสรีอาเซียนนั้นไม่ส่งผลกับเราโดยตรง แต่ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โดยรวม หากอนาคต แรงงานระดับบน ที่มีกำลังซื้อสูงระดับ บริษัทข้ามชาติที่เข้ามา ทำงานในพื้นที่ และต้องการ สร้างชุมชน ขนาดย่อม ให้กับกลุ่มพนักงาน ที่เข้ามาทำงานในไทย ก็อาจจะมีการ ตกลง ทำโครงการหมู่บ้านที่เหมาะกับวิถีชีวิต ของบุคลากรของประเทศในแถบเออีซี ซึ่งมีโอกาสทางการตลาดที่สามารถทำโปรเจกต์ร่วมกันได้ นอกจากบริษัทจะมีรายได้ จังหวัด และประชากรในจังหวัดก็จะมีรายได้ที่ดีขึ้นตามไปด้วย
วันที่ 16/04/2557 เวลา 10:21 น.