“ศอ.รส.” ตำหนิปลัดยุติธรรม เปิดห้องคุย “สุเทพ”
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แถลงภายหลังการประชุมวันนี้ โดยมีประเด็นที่สำคัญ 2 เรื่อง คือ เรื่องแรก ตามที่แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) ได้ประกาศว่าจะเดินทางไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการออกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. และแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งตามแนวทางของ กปปส.นั้น ศอ.รส.ขอเรียนว่าตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 43, 81และ 82 ได้กำหนดให้ข้าราชการมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มได้ แต่ต้องไม่กระทบต่อประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินและความต่อเนื่องในการจัดทำบริการสาธารณะ และต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง นอกจากนี้ยังกำหนดให้ข้าราชการต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ และต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ราชการและในการปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชน
ดังนั้น ศอ.รส.จึงมีความเห็นว่าการเรียกร้องของกลุ่ม กปปส.ให้ข้าราชการมาเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส.เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับข้าราชการในการทำงาน ดังเช่นการกระทำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกเมื่อวานนี้ได้นำมวลชนไปที่กระทรวงยุติธรรมแล้วอภิปรายกดดันให้ข้าราชการเข้าร่วมกับ กปปส.ทั้งๆ ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกเป็นผู้กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นกบฎมีหมายจับจากศาล ซึ่งปรากฎมีปลัดกระทรวงยุติธรรมลงมาต้อนรับและร่วมกันประชุมในลักษณะให้การรับรอง ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่ ศอ.รส.ต้องตำหนิ ทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และปลัดกระทรวงยุติธรรม
ทั้งนี้ในส่วนของปลัดกระทรวงยุติธรรมนั้นการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเพราะปลัดกระทรวงยุติธรรมมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. คนอื่นๆ ถูกดำเนินคดีในคดีพิเศษถึง 58 คน และมีหมายจับอยู่อีกด้วย ปลัดกระทรวงยุติธรรมควรจะได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนเข้าจับกุมดำเนินคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก มิใช่การให้การต้อนรับดังกล่าว ดังนั้น ศอ.รส.จึงกำหนดเรียกเชิญปลัดกระทรวงทุกกระทรวงมาประชุมเพื่อกำชับ ตักเตือน และทำความเข้าใจต่อการปฏิบัติในเรื่องเช่นนี้ ในวันที่ 17 เม.ย.57 เวลา 14.00 น.โดยกำหนดว่าปลัดกระทรวงทุกคนต้องมาเข้าประชุมด้วยตนเอง
น.ส.สิริมา กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 2 ตามที่ ศอ.รส.ได้มีข้อห่วงใยถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศไทย อันเป็นผลมาจากการชุมนุมของ กปปส.ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานนั้น ศอ.รส.ได้รับรายงานว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศได้ออกรายงานฉบับล่าสุด ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย และคำวินิจฉัยทำให้เกิดความเสี่ยงว่าภาวะชะงักงันทางการเมืองจะยืดเยื้อต่อไปอีกเป็นเวลานานจนถึงครึ่งปีหลังของปี 57 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านลบต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีการประท้วงที่รุนแรงในวงกว้าง
นอกจากนี้ จากรายงาน East Asia Economic Update 2014 ของธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่าในปี 2557 เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียน อยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 3 ขณะที่ประเทศในอาเซียนมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.8 เนื่องจากการบริโภคและการลงทุนของไทยยังอยู่ในระดับต่ำอันเนื่องมาจากปัญหาการประท้วงทางการเมือง และล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) จะปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยอีกครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 3-4 เนื่องจากปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน
ศอ.รส.จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะองค์กรในกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ ศอ.รส.ยังมีความเห็นว่าควรมีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดและขอเรียกร้องให้ประชาชนไม่เข้าร่วมในการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดๆ ที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้
วันที่ 9/04/2557 เวลา 14:52 น.