โล่งอก! ศก.ไทยไม่ซ้ำรอยต้มยำกุ้ง

 

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของไทยน่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากตลาดส่งออกเริ่มมีการขยายตัวคาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 2-3% จากไตรมาสแรก และภาพรวมการส่งออกปีนี้จะยังคงเติบโตระดับ 4-5% ทั้งนี้การท่องเที่ยวจะขยายตัวเช่นกันหลังมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

“แรงซื้อโดยรวมภายในประเทศเราชะลอตัวจากปัญหาการเมือง แต่ตลาดโลกไม่ได้กระทบเราและกลับขยายตัวทำให้การส่งออกเราน่าจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะครึ่งปีหลังเมื่อปัจจัยบวกคือส่งออก และการท่องเที่ยวฟื้นตัวยกเว้นการท่องเที่ยวที่เป็นตลาดคนไทยเองช่วงไตรมาส 2 อาจจะยังไม่ฟื้นแต่ก็เป็นสิ่งที่จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไปได้ แต่การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีปีนี้ก็ยังมองว่าต่ำกว่า 3% เพราะการเมืองยังไม่ชัดเจน” นายอิสระ กล่าว

ทั้งนี้ยังพบว่าการค้าชายแดนของไทยยังไปได้ดี เช่น ที่ จ.จันทบุรี จะพบว่ามีด่านถาวรเพียง 2 แห่ง การค้าก็ยังเติบโตซึ่งเห็นว่าหากมีการเปิดด่านชั่วคราวที่มีอยู่ 3 แห่งให้เป็นด่านถาวรก็จะช่วยได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การค้าชายแดนภาพรวมยังเติบโตน้อยกว่าที่เอกชนคาดหวังไว้ซึ่งส่วนหนึ่งเศรษฐกิจเพื่อนบ้านก็พึ่งพิงเศรษฐกิจไทยพอสมควร ดังนั้นปีนี้การค้าชายแดนไม่น่าจะถึงระดับ 1 ล้านล้านบาทตามที่คาดหวังไว้

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองไม่นำไปสู่ความรุนแรงก็ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะดีกว่าไตรมาสแรก ประกอบกับความเชื่อมั่นการลงทุนน่าจะกลับมาได้หากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่จะมาอนุมัติโครงการลงทุนที่ค้างอยู่กว่า 6.6 แสนล้านบาท ซึ่งภาคธุรกิจต้องการเห็นความสงบทางการเมืองยิ่งเร็วเท่าใดก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเท่านั้นเพราะตลาดโลกมีการฟื้นตัวชัดเจน

นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ปัญหาการเมืองของไทยทำให้การบริโภคในประเทศชะลอตัวแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาหนักหนาอะไรนัก ซึ่งต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 หรือต้มยำกุ้งที่เศรษฐกิจไทยมีปัญหาและเกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างอย่างรวดเร็ว ส่วนวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2553 เป็นปัญหาจากเศรษฐกิจภายนอก ดังนั้นไทยจะต้องรักษาระดับการลงทุนที่มองผลในระยะยาวที่จะทำอย่างไรให้เป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน

“เศรษฐกิจไตรมาส 2 น่าจะฟื้นตัวได้ดีกว่าไตรมาสแรกเพราะการส่งออกที่ฟื้นตัวจากตลาดโลก แต่การใช้จ่ายในประเทศในไตรมาสที่ 2 นั้นจะยังคงชะลอตัวต่อ” นายชาติศิริ กล่าว

นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ปัญหาการเมืองไทยที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้เครื่องจักรในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งการบริโภคในประเทศ และการลงทุนชะลอตัว ขณะที่การส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจากสถานการณ์ขณะนี้ คาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกคงยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล เพื่อมาดำเนินนโยบายเศรษฐกิจได้ หากในครึ่งปีหลังยังจัดตั้งไม่ได้อีก จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างสาหัส เพราะไม่สามารถจัดทำงบปี 58 ได้ งบลงทุนจะไม่ลงสู่ระบบ จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันหาข้อยุติโดยเร็ว เพื่อให้มีรัฐบาลโดยเร็วที่สุด โดยเป็นรัฐบาลที่สามารถทำงานได้และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และเดินหน้าปฏิรูปอย่างจริงจัง

 

 

วันที่ 9/04/2557 เวลา 6:17 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

231

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน