ขายตรงไทยลั่นกลองรบ

ขายตรงไทยรุกอาเซียนเต็มสูบ รับกระแส AEC สั่งจับตาพม่าเสือเศรษฐกิจตัวใหม่ ผู้ประกอบการไทยแห่เปิดสาขายึดหัวหาด “มิสทิน” ปักธงถาวร หลังสร้างยอดขายปี 55 กระฉูด ขณะที่ค่ายคังเซนฯ พม่า จัดงานใหญ่ฉลอง 8 ปี รีแบรนดิ้งเข้าถึงคนหนุ่มสาว ส่วนน้องใหม่ “โซล คอร์ปอร์เรชั่น” ทุ่มงบ 40 ล้านผุดสาขาพม่าและลาว ตั้งเป้าสร้างนักธุรกิจเครือข่ายประเทศละไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน ปั๊มยอดครึ่งปีแรก 10 ล้านบาท

น้องใหม่ รุกคืบตลาด AEC

นางเพ็ญทิพย์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (SOL) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ในภูมิภาคอาเซียน โดยขณะนี้กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้เกิดความพร้อมที่จะเปิดสาขาที่ประเทศลาวและเมียนมาร์ก่อนประเทศอื่นๆ เนื่องจากการศึกษาความเป็นไปได้ของทั้ง 2 ประเทศแล้วเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนประชากรและรายได้ของคนในท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่ยังไม่สูงมากนัก SOL จึงมีเป้าหมายเข้าไปสร้างรายได้ให้กับประชาชนในทั้ง 2 ประเทศ คาดว่าศูนย์กระจายสินค้าจะสมบูรณ์ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้สามารถบริการทีมงานที่ทำธุรกิจเครือข่ายในลาวและเมียนมาร์อยู่แล้ว

“ในปีแรกตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนในลาวและเมียนมาร์สมัครเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายกับ SOL ประเทศละไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน ส่วนเรื่องรายได้นั้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 คาดว่าทั้งลาวและพม่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับเม็ดเงินที่ลงทุนในช่วงแรกประเทศละประมาณ 15-20 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าตลาดดังกล่าวน่าจะมีการขยายตัวเป็นอย่างดี เนื่องจากไม่มีคู่แข่งและมั่นใจเรื่องคุณภาพของสินค้าที่จะสามารถตอบสนองเรื่องความพึงพอใจของผู้บริโภคในทั้ง 2 ประเทศ” นางเพ็ญทิพย์กล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าหากการลงทุนในประเทศเมียนมาร์และลาวลงตัวในทุกๆ ด้าน บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดสาขาในประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่ 3 ของภูมิภาคนี้ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านการลงทุนและมีนักธุรกิจเครือข่ายชาวเวียดนามทำงานอยู่ในเมียนมาร์และลาวจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นฐานในการขยายเครือข่ายสู่ประเทศเวียดนามได้ในอนาคต

ทั้งนี้จากการสำรวจตลาดในประเทศพม่าพบว่าประชาชนตอบรับธุรกิจขายตรงเป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจัยเรื่องรายได้ของคนในประเทศมีความแตกต่างกันจึงเหมาะที่สุดในการลงทุนทำธุรกิจเครือข่าย ผู้คนมองขายตรงเป็นอาชีพเสริมและอาชีพหลักที่สามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นได้ง่าย อีกทั้งราคาสินค้าไม่สูงเกินไป เริ่มต้นที่ราคาเฉลี่ย 590-2,500 บาท ทำให้บริษัทมีนโยบายการขยายธุรกิจไปที่นั่น โดยสินค้าของบริษัทในปัจจุบันถือว่าตอบโจทย์ มีครบทุกกลุ่ม ทั้งเรื่องความสวยความงาม และของใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งกลุ่มระดับบนลงมาถึงระดับกลาง รวมทั้งกลุ่มเซเลบที่ต้องการใช้สินค้าคุณภาพสูง ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับกลางและผู้สนใจทำธุรกิจก็สามารถซื้อใช้ได้

สำหรับการลงทุนในประเทศเมียนมาร์นั้นจะเปิดพร้อมกันถึง 2 สาขา คือที่ย่างกุ้งและพะอัน ซึ่งขณะนี้ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้ว สำหรับเป้าหมายในตลาด AEC นั้น ที่ผ่านมามีนักธุรกิจระดับผู้นำเข้าไปทำการตลาดในประเทศเมียนมาร์ก่อนหน้านี้แล้ว และกำลังรอให้บริษัทมีความพร้อมในการเข้าไปสนับสนุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการให้บริการ ส่วนเรื่องสินค้านั้นเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกับที่ขายในประเทศไทย ทั้งยังได้กำหนดราคาขายและมีมาตรฐานด้านคุณภาพเดียวกัน

“เชื่อว่าทุกธุรกิจมีเป้าหมายในการบุกตลาด AEC แต่มีอยู่หลายปัจจัยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายในภูมิภาคดังกล่าว เช่น การเข้าใจเรื่องพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งรู้ว่าประชาชนในประเทศเขาต้องการอะไร การเข้าไปเปิดตลาดของธุรกิจเครือข่ายจึงเป็นการเข้าไปสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น เนื่องจากส่วนใหญ่ยังมีรายได้น้อย จึงเหมาะสำหรับการเข้าไปลงทุนในธุรกิจขายตรง เพราะเป็นโอกาสที่ดีในการทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น” นางเพ็ญทิพย์ กล่าว

คังเซนฯ สาขาพม่าครบรอบ 8 ปี

นายอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ ประธานกรรมการบริหาร เผยว่า วิสัยทัศน์การเป็นขายตรงคนไทยก้าวไปสู่สากล วันนี้บริษัทสามารถทำได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นบริษัทคนไทยบริษัทแรกๆ ที่สามารถออกไปสู่ต่างประเทศ มีสาขาและกิจกรรมทางธุรกิจครอบคลุม และทำอย่างถูกต้องในภูมิภาคอินโดจีน ทั้งนี้ได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ซึ่งทำระยะยาวถึงปี 2020 ในการเป็นขายตรงที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ทุกคนในสังคมบรรลุเป้าหมายในการมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น โดยบริษัทจะนำพาทุกคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น พันธกิจคือเป็นขายตรงที่น่าเชื่อถือมากที่สุดใน AEC

“การเปิดตลาดต่างประเทศ เป็นสิ่งที่คังเซนฯ ได้ทำมาตลอด นับตั้งแต่บริษัทเปิดตลาดที่ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศแรกๆ และสำหรับการเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศพม่าเข้าสู่ปีที่ 8 มีการมอบรางวัลเกียรติยศให้กับนักธุรกิจอิสระคังเซนฯ อย่างยิ่งใหญ่ โดยที่ผ่านมาธุรกิจคังเซนฯ ในประเทศพม่า มียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 ล้านบาท จากเดิมที่ขายได้เพียง 1 ล้านบาท ดังนั้นภายในสิ้นปีนี้ตนจึงคิดว่ายอดขายในพม่าอาจจะทะลุ 25 ล้านบาท ทำให้บริษัทสนใจที่จะเข้าไปเปิดธุรกิจคังเซนฯในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม”

นายอิทธิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในปีนี้บริษัทมีการรีแบรนดิ้งใหม่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ สอดคล้องกับตลาดในปัจจุบัน โดยเน้นการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีการปรับให้แบรนด์คังเซนสื่อความหมายที่เป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้น มีความกระฉับกระเฉงและมีพลังในการเชื้อเชิญกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าสู่ธุรกิจมากขึ้น

มิสทินสีสันแห่งขายตรงพม่า

“มิสทีน” หรือ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นแบรนด์เครื่องสำอางธุรกิจขายตรงชั้นเดียว รายแรกๆ ที่เข้าไปบุกเบิกตลาดพม่ามาก่อนหน้านี้ได้ประมาณ 8 ปี ก็ได้สร้างสีสันในตลาดพม่าอย่างจริงจัง นายดนัย ดีโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ เผยว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา สาขาของ มิสทินในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศพม่าเติบโตถึง 10% ด้วยยอดขายทั้งหมดในปีที่ผ่านมาที่ปิดที่ 300 ล้านบาท โดยสาขาของมิสทินตั้งอยู่ที่ย่างกุ้ง และมัณฑะเลย์ มีสมาชิกรวมในประเทศพม่าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นคน ซึ่งทั้ง 2 สาขามีสัดส่วนยอดขายที่เท่าๆ กัน ซึ่งในส่วนของยอดขายของพม่านี้ นับเป็นยอดขายที่มีการเติบโตได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี การตั้งสาขาของมิสทินในพม่า จะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่คือ 2 เมืองที่กล่าวมา แต่จะขยายไปตามจุดสำคัญ 6 จุด คือย่างกุ้งมี 3 จุด มัณฑะเลย์ 3 จุด ส่วนเรื่องของรูปแบบการทำธุรกิจนั้นจะคล้ายๆ กับประเทศไทย คือการเปิดเป็นขายตรง ชั้นเดียวจะต่างกันที่การรับสินค้าที่นักธุรกิจของบริษัทในพม่าจะต้องเข้ามารับสินค้าที่ออฟฟิศเอง เนื่องจากคนในพม่ามักจะมีการย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ทำให้การจัดส่งสินค้าไปถึงผู้ซื้อทำได้ยาก ไม่เหมือนธุรกิจในประเทศไทย ส่วนยอดขายของกลุ่มตลาดต่างประเทศในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างรายรับได้ที่ 700 ล้านบาท ซึ่งมีประเทศพม่าซึ่งเป็นตลาดที่สร้างยอดขายได้ดีที่สุด โดยปิดตลาดที่ 500 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาได้ถึง 20% โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าตลาดต่างประเทศด้านยอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท

วันที่ 3/04/2557 เวลา 6:41 น.