นายกฯน้ำตาคลอชินวัตรถูกไล่ห้ำหั่นไร้ทื่ยืน
“ยิ่งลักษณ์” น้ำตาคลออีก หลังสื่อถามแทงใจดำ คนเกลียดชังตระกูลชินวัตร โอดเป็นคนไทยจะไม่ให้อยู่ด้วยกันแล้วหรือ ครวญ ปชป.ใช้กฎหมายห้ำหั่นแทบไร้ที่ยืน วอนเห็นใจอย่าใช้องค์กรอิสระ-กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ ยันไม่ท้อ ขณะที่ “เฉลิม” ยันน้อมรับคำตัดสินศาล รธน. ปมกู้ 2 ล้าน ล. แต่เสียดายความเจริญชาติ ไม่หวั่น ปชป.ยื่นถอดถอนนายกฯ ป้องไม่ผิด-ไม่ต้องรับผิดชอบ ส่วน “พท.” ผิดหวังศาล รธน.ฝังกู้ 2 ล้าน ล. ประชดทำอะไรต้องไปขอศาลรัฐธรรมนูญก่อน ขณะที่ “ปชป.” อัด “ยิ่งลักษณ์” โกหก-ไม่รับผิดชอบ กู้ 2 ล้าน ล. ขัด รธน. เล็งฟ้องผลาญงบ ปชส. 200 ล้าน ด้าน “กกต.” จ่อ ฟันผู้สมัคร 16 ส.ส.พท. จ้อทีวีช่วงเลือกตั้ง เข้าข่ายใช้สื่อรัฐหาเสียง “พท.” โวยวาย กกต.สองมาตรฐาน เอาผิดแต่ พท.
“ปู” โอดคนไทยใช้ กม.ห้ำหั่นกัน
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ และพรรคประชาธิปัตย์เตรียมล่ารายชื่อถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะนั้น เมื่อวันที่ 13 มี.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เราอาศัยใช้ข้อกฎหมายไล่ล่ากันทุกวัน แล้วเราจะหาความสงบในบ้านเมืองนี้ได้อย่างไร ซึ่งเมื่อศาลตัดสินแล้ว เราก็ต้องพร้อมที่จะเอาไปปรับ เป็นขั้นตอนแต่ละฝ่ายที่ต้องไปดำเนินการ คงไม่สามารถไปวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับประชาชน ส่วนที่เรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบนั้น คงต้องไปศึกษาในกรณีอื่นๆ ด้วย หลังจากที่รัฐบาลได้รับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเอกสารที่เป็นทางการ ได้มอบหมายให้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางกฎหมาย หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป
ยันไม่ท้อ-วอนให้อภัยกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอความเห็นใจ เราไม่อยากเห็นการที่เราใช้กฎหมาย หรือใช้องค์กรต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ เพื่อให้ได้คำตอบต่างๆ แต่จริงๆ แล้ว คำตอบที่เราควรจะได้ คือ ความสามัคคีของคนไทย เราอยากเห็นทุกคนในสังคมไทย เดินไปไหนด้วยกันได้ ถามว่า เรามีการโต้แย้งความคิดเห็นต่าง ตนก็เคารพในความคิดเห็นต่าง แต่เรามองว่า ความเห็นต่างนั้นเป็นความเห็นต่างที่เราอยู่ด้วยกันในสังคมได้ ไม่ใช่ว่าไม่สามารถมองหน้ากันในสังคมได้เลย จากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน สามารถที่จะโกรธเกลียดกันได้ขนาดนี้ และนี่คือ สิ่งที่รู้สึกในความเศร้าใจของสังคม เราไม่อยากเห็นการแตกพวก แตกกลุ่ม ต่างคนต่างแตก เราคือคนไทยด้วยกัน มีพื้นที่ให้กับคนไทยทุกคนอยู่ ถ้าเราใช้หลักเมตตา เราใช้คำว่า ให้อภัยกัน และใช้คำว่า เหลือพื้นที่ให้กับบางคนได้อยู่ แล้วให้กลไกต่างๆ เดินไป เราเชื่อว่าสังคมจะเป็นพื้นที่ตรวจสอบ ถ้าใครไม่ทำดีในสังคม เป็นคนที่คิดร้ายในสังคม ตนเชื่อว่าประชาชนคนไทยจะประณามเขาเอง ให้เขาอยู่ไม่ได้ในสังคมด้วยตัวเขาเอง ดีกว่าเราใช้ขบวนการต่างๆ เป็นเครื่องมือ แล้วทำให้คนแตกแยก และมีแผลลึกในใจ และขอยืนยันว่า ไม่ท้อ อย่าพูดคำว่า ท้อ หรือไม่ท้อ แต่เราพูดว่าเราต้องช่วยกัน ต้องใช้ความพยายามด้วยกัน ไม่อยากให้ทุกคนลดความพยายาม และทำให้สังคมไทยสงบไม่ได้ เราต้องไม่ลดความพยายามที่จะทำให้สันติภาพเกิดขึ้นในประเทศไทย
น้ำตาคลอคนเกลียดชังตระกูลชิน
เมื่อถามว่า เคยตั้งข้อสังเกตหรือไม่ คนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลถึงได้เกลียดชังคนตระกูลชินวัตรเหลือเกิน นายกฯ หยุดไปสักครู่ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและตาแดงว่า คงต้องถามคนถามด้วย ตนคงไม่ขอตอบ เชื่อว่าสังคมที่อยู่คนไทยจะเป็นคนพิจารณาตระกูลชินวัตร เป็นอย่างนี้เชียวหรือ ตนคิดว่าเราอย่าพูดกันอย่างนี้เลย เราพูดกันอย่างนี้ เดี๋ยวก็มีตระกูลนั้นตระกูลนี้ แล้วคุณจะไม่ให้คนไทยอยู่ด้วยกันแล้วหรือ คุณจะเป็นอย่างนี้กันแล้วหรือ นี่คือสิ่งที่ต้องถาม เมื่อถามว่า วันนี้การชุมนุมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นประเทศมากแล้ว คิดว่าควรมีอะไรที่เด็ดขาด นายกฯ กล่าวว่า ความเด็ดขาดนี้ ถามว่าเราได้อะไร ความเด็ดขาดมี 2 อย่าง เรื่องแรก คือการใช้กำลัง เรื่องที่สองการบังคับใช้กฎหมาย แล้ววันนี้มีคำตอบหรือเปล่า การใช้กำลังก็ไม่ได้เกิดผลดีกับประเทศไทย การใช้กฎหมายห้ำหั่นก็ไม่ได้เป็นผลดี และวันนี้คนก็ไมได้เกรงกลัวกฎหมายกันแล้ว การที่ทำถูกกติกาไม่สามารถอยู่ไดั การที่คนนอกกติกาสามารถอยู่ได้ และเราจะเดินหน้าในสังคมอย่างไร การที่ทำถูกกติกาแล้วเราจะเดินหน้าในสังคมอย่างไร เมื่อถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรกับคำที่ว่ารัฐบาลกำลังถูกตุลาการภิวัฒน์เล่นงาน นายกฯ ไม่ตอบคำถามและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที
พท.ผิดหวังศาล รธน.ฝัง 2 ล้าน ล.
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ร่าง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน ตกไปเพราะจะทำให้ประเทศพัฒนาล่าช้า เหมือนกับเป็นการถ่วงความเจริญ ประกอบกับความไม่สงบทางการเมืองในปัจจุบัน ทำให้ประเทศเสียโอกาสการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคไปแล้ว ต่อไปนี้หากรัฐบาลจะทำอะไรก็น่าจะต้องไปขอตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำแผนงานและทำเรื่องผ่านสภาฯ หรือไม่ก็ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาบริหารประเทศเลย อย่างไรก็ตาม หากจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พรรคเพื่อไทยก็จะยังคงดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนี้ต่อไป โดยอาจจะทำในงบประมาณปกติที่มีข้อจำกัดในจำนวนเงินที่จะกู้ได้ ซึ่งทำให้การดำเนินการต้องล่าช้า เสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคต ที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็อาจจะเปลี่ยนโครงการได้
“เฉลิม” น้อมรับคำตัดสินศาล รธน.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งวินิจฉัยชัดเจนว่าหากจะมีงบประมาณไปบริหารราชการ ต้องจัดทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 เรียกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี หรืองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ซึ่งแต่ละปีเกือบทุกรัฐบาลจะตั้งงบแบบขาดดุลเพื่อเอาเงินไปลงทุน แต่การขาดดุลจะขาดได้ไม่มาก เพราะมีเพดานการจัดทำงบประมาณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเห็นว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จึงอยากพัฒนาความเจริญให้มีรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ โดยอาจจะกู้ไม่ครบ 2 ล้านล้านบาท ใช้หนี้ไม่ถึง 50 ปี หรือบางโครงการก็หาคนมาลงทุนด้วย ความเจริญจะเกิดในภูมิภาค รัฐบาลก็รู้ว่าถ้าตั้งงบประมาณรายจ่ายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 มันไม่มีเงิน จึงตั้งเป็นร่างพระราชบัญญัติขอกู้เงินเป็นกรณีพิเศษ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าไม่ได้ ก็ต้องเคารพคำตัดสินของศาล ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ผมเสียดายความเจริญของประเทศ วันนี้ฝ่ายค้านหรือไม่ว่าใครก็หัวเราะว่ารัฐบาลกู้เงินไม่ได้ แต่อีก 5 ปี จะต้องฟังเพลงสักวันหนึ่งเถอะจะคิดถึงฉัน และแล้ววันนั้นเธอต้องร้องไห้เพราะเราเจริญไม่ทันเขา
ไม่หวั่น ปชป.ยื่นถอดถอนนายกฯ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จากกรณีดังกล่าว ถามว่าจะถอดถอนอะไร รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด พิจารณาเปิดเผย ผ่านสภา 3 วาระ วุฒิสภาก็เห็นด้วยเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว ให้ไปกลัวเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งตนกลับไปดูเอกสารในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่พัทยา จ.ชลบุรี นายกฯ ได้นำเสนอ ครม.และมีมติให้ตนเป็นประธานตรวจสอบโครงการทุจริตหลายโครงการ รวมถึงโครงการรับจำนำข้าวด้วย ตนจึงตั้งคณะอนุกรรมการ 11 คณะ แสดงให้เห็นว่านายกฯ ไม่ได้ละเลย แต่มีความห่วงใย และระมัดระวัง ถ้านายกฯ จะอ้างตนเป็นพยานก็พร้อมไปเป็นพยานให้ และพร้อมเอาเอกสารไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งตนดูขั้นตอนการซื้อข้าวไม่พบการทุจริต พร้อมทั้งมีการตรวจสอบโรงสี โกดัง ใบประทวนข้าว พบการทุจริตก็ดำเนินคดี แต่ตอนหลังเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ และองค์การคลังสินค้า ส่วนกรณี กกต.แจกใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติ แล้วพรรคเพื่อไทยอาจจะต้องโดนลักษณะแบบนี้จากการที่ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปออกรายการช่อง 11 ในช่วงที่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องดูว่าไปออกรายการเป็นการหาเสียง สร้างคะแนนนิยมหรือไม่ นักการเมืองไม่พูดเรื่องการเมืองจะพูดเรื่องอะไร ต้องดูข้อเท็จจริง ตนไม่กลัวประเด็นนี้ กลัวป.ป.ช.อย่างเดียว อย่างอื่นไร้สาระ
ไม่หวั่นเกมเชือด
นายโภคิน พลกุล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คงไม่มีการยื่นอุทธรณ์ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะศาลได้วินิจฉัยในหลักการใหม่คือเงินกู้ต้องส่งคลังทั้งหมด จะได้ไม่มีรายรับรายจ่ายขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี เช่น มี 100 ก็ใช้เพียง 100 แต่ที่รัฐบาลคิดคือ มี 100 อาจจะใช้ 120 เพื่อทำการเสริมสภาพคล่อง และเป็นการขอกรอบวงเงิน ไม่ได้เป็นการอนุมัติโครงการ เมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมีการยื่นเรื่องให้ตีความเงินกู้ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ตอนนี้องค์กรอิสระจ้องเชือดรัฐบาล ทั้งโครงการประชานิยมต่างๆ รวมทั้งการเปิดสภาไม่ทันตามกำหนดหลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยไม่มีความเป็นห่วงอะไร โครงการรับจำนำข้าว ชาวนาก็เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงมากที่สุด หรือ การเปิดสภาไม่ทันกำหนดหลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน ก็ต้องมองว่าถึงเราจะถูกรังแกขัดขวางอย่างไรก็ต้องรักษาประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศไทยเกิดสันติสุข แต่ที่เราเป็นห่วงมากคือองค์กรอิสระอย่าล้มการเลือกตั้ง
ปชป.อัด “ยิ่งลักษณ์” โกหก
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงคำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ระบุว่าอย่าใช้กฎหมายลิดรอนสิทธิขอให้ดูที่เจตนา หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านขัดรัฐธรรมนูญว่า กฎหมายลิดรอนสิทธิคนชั่วเท่านั้น แสดงว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จงใจละเมิดกฎหมายและโจมตีกฎหมายประเทศว่า เป็นเครื่องมือขัดขวางลิดรอนสิทธิของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเป็นคำพูดที่ต้องถอน เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ทำลายระบบเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและยังทำลายระบบคุณธรรมอย่างยับเยิน เมื่อระบุว่ากฎหมายเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอายเพราะต่างชาติจะต้องตั้งคำถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีจริยธรรมและหลักในการทำงานอย่างไร เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำคือการขัดรัฐธรรมนูญและขัดกฎหมาย
จี้รับผิดชอบผลาญงบ ปชส. 200 ล.
นายชวนนท์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องความรับผิดชอบจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนี้ 1.กรณีส.ส.เพื่อไทยกดบัตรแทนกันจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร 2.นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นผู้ลงนามเสนอกฎหมายเงินกู้สองล้านล้านที่จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา ปฏิบัติหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถ้าเป็นนายกฯ ปกติจะต้องลาออก แต่ตอนนี้แค่ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไม่ต้องลาออก 3.โอกาสในการพัฒนาประเทศที่สูญเสียไป จากความพยายามเดินหน้าเงินกู้ 2 ล้านล้านด้วยกฎหมาย ที่ไม่เป็นไปตามระบบงบประมาณจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะหากดำเนินการตามระบบปกติ สามารถเดินหน้าได้แต่ประเทศต้องสูญเสียโอกาสไปกว่า 2 ปี เพราะความละโมบโลภมากของรัฐบาล ที่ต้องการเหมารวมโครงการ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จึงอยากให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ปฏิบัติหน้าที่รองนายกและรมว.คลัง รวมทั้งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม ต้องทำความเข้าใจด้วย และ 4.จะรับผิดชอบอย่างไรกับเงินงบประมาณ 200 ล้านในการประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.เงินกู้สองล้านล้านที่เป็นโมฆะ
กกต.พร้อมแจงเลือกตั้งโมฆะ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ประธานกกต. ไปชี้แจงกรณีที่ศาลรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ศาลพิจารณาว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นโมฆะหรือไม่ ว่าไม่กังวล ทาง กกต.มีข้อมูลพร้อมที่จะชี้แจง ยืนยันว่าการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งไม่มีส่วนใดที่ กกต.ทำผิดกฎหมาย เราทำโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ซึ่งในวันนั้นจะเป็นผู้ไปชี้แจงด้วยตนเอง ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาในแนวทางใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เราไม่อาจก้าวล่วงได้ อย่างไรก็ตาม กกต.ได้รับทราบกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของ กกต.ในการยื่นตีความการขัดกันระหว่างองค์กร กรณีปัญหา 28 เขตเลือกตั้งจังหวัดใต้ไร้ผู้สมัครนั้น ในวันนี้ที่ประชุม กกต. คงมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลว่าจะพิจารณาออกมาในแนวทางใด
จ่อฟัน 16 ผู้สมัคร สส.พท.จ้อทีวี
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านบริหารกิจการงานเลือกตั้ง กล่าวว่า การประชุม กกต. จะหารือ คุณสมบัติผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย 16 คน ที่มีพฤติกรรมใช้สื่อของรัฐหาเสียง ทำให้เกิดความได้เปรียบในการเลือกตั้ง โดยจะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่ามีความผิดและโทษอย่างไร แต่ในส่วนของ กกต.ยังไม่มีการชี้ขาดถึงคุณสมบัติ และคาดว่าไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งรวมถึงการเข้าชี้แจง ของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ด้วย เชื่อว่า ศาลปกครอง จะไม่มีคำสั่งตามคำร้องของ นายจเร ตันฑ์พรชัย ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สระบุรี ที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้ง เพราะเชื่อมั่นว่า กกต. ไม่ได้กระทำขัดต่อกฎหมาย ซึ่งการไม่ประกาศผลเลือกตั้ง เป็นการรักษาไม่ให้การเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นโมฆะ เพราะหากประกาศผลก่อน จะส่งผลต่อการเลือกตั้งในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ ส่วนความคืบหน้ากรณี คำร้องของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ประเด็นการขนคนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งซ่อม จ.เชียงใหม่ นั้น กกต.อยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐานเพิ่มเติม โดยการพิจารณาจะครบ 1 ปี เดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งยังมีเวลา รวมถึงกรณีการทัวร์นกขมิ้นของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนได้ขอขยายเวลาอีก 15 วัน ในการพิจารณา เนื่องจากมีการขอกำหนดการเดินทางและค่าใช้จ่ายไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะอ้างเหตุผลไม่สามารถเข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเอาเอกสารไม่ได้ เพราะเท่ากับรัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการได้ ซึ่ง กกต.จะไม่ขยายเวลาให้อีก
“โภคิน” ไม่หนักใจกกต.จ้องฟัน
นายโภคิน พลกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจที่ กกต.จะเอาผิดผู้สมัครพรรคเพื่อไทยที่ไปออกรายการโทรทัศน์ เพราะทางรายการเป็นคนเชิญมา ไม่ได้ไปบีบบังคับให้รายการนำตนไปออกทีวี และหลายครั้งก็ปฏิเสธไป อีกทั้งเมื่อไปออกสื่อก็ไม่ได้โฆษณาหาเสียงอะไร พูดแค่เรื่องให้ความรู้เกี่ยวการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้า กกต.จะให้ใบแดงก็ต้องมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยมองว่าไม่น่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 เป็นโมฆะนั้น มองว่าการกระทำดังกล่าวเหมือนเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิระและศาลรัฐธรรมนูญ คนที่ทำการสุจริตมีความผิด ส่วนคนที่ไม่สุจริตขัดขวางให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถูกมองว่าถูกอยู่เช่นนี้แล้วประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่เป็นอยู่นี้เป็นผลพวงจากที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง จึงเกิดการขัดขวางต้องการให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ
โวย กกต.สองมาตรฐาน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนอยากให้ กกต.ไปตรวจสอบในกรณีเดียวกันในสมัยที่นายอภิสิทธิ์เป็นรัฐบาลรักษาการ ในปี 54 มีคนในรัฐบาลไปออกรายการทีวีของรัฐเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในช่วงตั้งแต่การมีผู้ชุมนุม กปปส. ก็มี อดีต ส.ส. กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ไปออกรายการสถานีโทรทัศน์หลายช่อง และเปิดฉากด่าใส่ร้ายป้ายสีอย่างเดียว “องค์กรอิสระที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ต้องทำงานปราศจากอคติ เพราะจะเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่จะถูกจารึกไว้เช่นเดียวกัน กรณีนี้แม้จะอ้างว่า ปชป.ไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่กฎหมายการเลือกตั้งย่อมคุ้มครองผู้สมัครทุกพรรคที่จะได้รับผลกระทบจากการใส่ร้ายป้ายสี เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยังมีสถานะเป็นพรรคการเมืองอยู่ ถ้าไม่อยากทำงานเพื่อประชาชน ก็แจ้งยกเลิกพรรคการเมืองไปเสีย
วันที่ 14/03/2557 เวลา 5:36 น.