รับสร้างบ้านลุ้นการเมืองจบเร็ว
2 ค่ายธุรกิจรับสร้างบ้าน เชื่อหากการเมืองนิ่งฉุดกำลังซื้อคัมแบ็ก ค่ายพีดีเฮ้าส์ ยังใจดีสู้เสือ ยืนกรานเป้า 2 พันล้าน หวังการเมืองจบเร็ว ด้านบิวท์ ทู บิวด์ คาดหลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลายธุรกิจรับสร้างบ้านจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นางมาลี สุวรรณสุต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ปัญหาความขัดแย้งของสองขั้วอำนาจทางการเมืองที่มีมากว่า 4 เดือน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะยุติลงเมื่อใด ทั้งๆ ที่ทุกฝ่ายอยากเห็นความขัดแย้งยุติลงโดยเร็วที่สุด เพราะมิฉะนั้นแล้วเศรษฐกิจของประเทศอาจเสียหายจนยากจะฟื้นคืนกลับมา ซึ่งภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรับสร้างบ้านนั้น ผู้ประกอบการต่างก็ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสี่ปีที่แล้วต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการชุมนุมประท้วง ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในพื้นที่ภาคใต้บางจังหวัด ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่มาติดต่อหรือเยี่ยมชมโครงการและยอดขายบ้านลดลงอย่างน่าใจหาย
“ภายใต้สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ผ่านทางสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเภทของสื่อโฆษณาที่ทำให้ผู้บริโภครู้จักหรือเข้าถึง “บริษัทรับสร้างบ้าน” ได้ง่ายและสะดวกที่สุด โดยพบว่าอันดับแรก ป้ายโฆษณา คิดเป็นร้อยละ 33 อันดับ 2 โซเชียลมีเดีย ร้อยละ 23 อันดับ 3 หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ร้อยละ 21 อันดับ 4 ทีวี ร้อยละ 18 และอันดับสุดท้าย งานแสดงสินค้า คิดเป็นร้อยละ 5 ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าประเภทของสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดคือ “ป้ายโฆษณา” และ “โซเชียลมีเดีย” โดยบริษัทฯ เองก็ได้นำข้อมูลดังกล่าวมาปรับกลยุทธ์การเลือกใช้สื่อโฆษณาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเช่นกัน จึงทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ ปี 57 นี้แผนการรุกขยายตลาดของบริษัทฯ อาจดูสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งเป้ายอดขายบ้านที่ตั้งไว้สูงถึง 2,000 ล้านบาท และเป้าขยายสาขาใหม่อีก 10-12 แห่ง โดยที่ทั้งสองส่วนมีความสัมพันธ์กัน และเกิดจากโรดแม็พ หรือแผนธุรกิจที่บริษัทฯ วางไว้ 5 ปีก่อนหน้านี้ ว่าด้วยการลงทุนและการขยายตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถรุก-รับกับการเปิดรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี โดยบริษัทฯ ยังมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามแผนฯ และเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้ง 2 ส่วน ด้วยจำนวนสาขาที่มีอยู่เกือบ 40 แห่งหรือมากเป็นอันดับ 1 และกระจายอยู่ทุกภูมิภาค ทำให้บริษัทฯ สามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ดังนั้น แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไม่เอื้อต่อกำลังซื้อเท่าไรนัก แต่บริษัทฯ ก็ยังไม่ปรับลดเป้าที่ตั้งไว้ลงจากเดิม
ด้านนายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ในด้านของการเติบโตในภาพรวมต้องยอมรับว่าชะลอตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งผลพวงส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ขาดสภาพคล่อง ส่งผลกระทบทั้งในด้านของการค้าการลงทุนจากต่างประเทศก็หดตัวลง การขึ้นราคาของสินค้าและราคาพลังงานที่สูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งต้องยอมรับว่าสร้างแรงกดดันต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการและผู้บริโภคเป็นอย่างมากในด้านของความเชื่อมั่น และไม่กล้าตัดสินใจในตอนนี้
ทั้งนี้ในการประเมินสถานการณ์ของตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสที่เหลือนั้น เชื่อว่าหากปัญหาทางด้านการเมืองคลี่คลายลงและมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น จะสามารถช่วยให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากเชื่อว่าประเทศไทยยังเป็นภูมิภาคที่มีระบบสาธารณูปโภคที่น่าสนใจและเหมาะสมในด้านการค้าการลงทุน กอปรกับในด้านของผู้บริโภคเองเชื่อว่ายังมีความต้องการและยังมีกำลังซื้ออยู่เป็นจำนวนมากเพียงอยู่ในช่วงของการรอดูสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแผนการดำเนินงานในปี 2557 นั้น แม้บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบและมีความกังวลอยู่บ้างจากปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้น แต่จะคงหยุดนิ่งเพื่อรอดูสถานการณ์เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้เพราะจะยิ่งทำให้ผู้บริโภคเกิดการชะลอตัวมากยิ่งขึ้น
วันที่ 12/03/2557 เวลา 11:49 น.