ฝัง2ล้านล้านศาลเชือดขัดรธน. ชี้ไม่ชอบด้วยเนื้อหา-ขั้นตอน

 

จบเห่ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน “ศาล รธน.” มติเอกฉันท์ฟันขัดรัฐธรรมนูญ ชี้เนื้อหา-กระบวนการมิชอบ ขณะที่ “ปชป.” จี้ปูลาออกรับผิดชอบ ลั่นลุยดาบสอง ยื่น ป.ป.ช.ถอดถอน “ครม.ปู” ยกเข่ง พ่วงอีก 400 ส.ส.-ส.ว.โหวตหนุน ด้าน “ปู” น้ำตาคลอ บ่นเสียดายโครงการพัฒนาชาติหยุดชะงัก โอด ปชป.จ้องยื่นถอดถอนซ้ำ วอนมองเจตนามากกว่าเอากฎหมายมาลิดรอน เหน็บหากสังคมมีความยุติธรรม-เมตตาธรรม คงเดินหน้าได้ ส่วน “วราเทพ” ป้องปู ยันไม่ต้องรับผิดชอบ อ้างผ่านขั้นตอนสภา ถือว่าได้รับการตรวจสอบแล้ว ขณะที่ “ม็อบ กปปส.” เฮศาล รธน.ตีตก พ.ร.บ.เงินกู้ ขอบคุณศาลทำคนไทยไม่ต้องเป็นหนี้อีก 50 ปี

ศาล รธน.ฝัง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้าน ล.

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.57 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มีการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาคำร้องของประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของสมาชิก 2 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1) ว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า การลงคะแนนเสียงแทนกันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 และมาตรา 126 วรรคสาม ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 เสียง เห็นว่าร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้

ชี้เนื้อหา-กระบวนการมิชอบ

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุอีกว่า ส่วนประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไปว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ศาลจึงมีคำวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ และมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.นี้ จึงมีผลให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวนี้ เป็นอันตกไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคสาม ที่ระบุว่า ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีระงับการดำเนินงานเพื่อประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ถ้าศาลวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.นั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราโดยไม่ถูกต้องให้ ร่างพ.ร.บ.นั้นเป็นการตกไป

ปชป.จ่อยื่น ป.ป.ช.ถอดถอนยกเข่ง

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ประธานคณะกรรมการกฎหมาย ปชป. กล่าวว่า ขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ประเทศไทยพ้นพิษภัยระบอบทักษิณ รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา ไม่ต้องใช้หนี้ 50 ปี ซึ่งคณะกรรมการกฎหมายของพรรคจะรอดูคำวินิจฉัยฉบับเต็มของตุลาการทั้ง 9 คน ที่คาดว่าจะออกมาใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อประกอบการยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามช่องทางรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 ให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ รวมถึง ส.ส. ส.ว.ที่โหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.นี้ รวมจำนวนเกือบ 400 คน หาก ป.ป.ช.ตรวจสอบพบการทุจริตผิดกฎหมาย ก็ต้องส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ถอดถอนต่อไป อย่างไรก็ตาม พรรคยังได้เตรียมดำเนินการในช่องทางอื่นด้วย หาก ป.ป.ช.ไม่เข้มแข็ง โดยจะยื่นไปศาลฎีกาคณะผู้ไต่สวนอิสระ เพื่อให้ดำเนินการถอดถอนบุคคลทั้งหมด แต่ขณะนี้ ป.ป.ช.ยังทำงานได้เข้มแข็ง จึงอาจจะยังไม่ยื่นต่อศาลฎีกา พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายการเงิน ตามหลักแล้วรัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งทันที จะอ้างเป็นรัฐบาลรักษาการไม่ได้ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะดื้อไม่ลาออก และไม่ใช่มาแถว่าเสียดายที่ประเทศไม่พัฒนา เพราะโครงการดังกล่าวสามารถใช้งบประมาณปกติมาดำเนินการได้

จี้ปูลาออก

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยในทางใดทางหนึ่งจะเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการด้านงบประมาณและการกู้เงิน แต่รัฐบาลยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม โดยได้พยายามปฏิเสธความรับผิดชอบ หากมีการชี้มูลว่าผิด สะท้อนการขาดจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่อประเทศของฝ่ายบริหาร เพราะการออกกฎหมายดังกล่าวมีจุดบกพร่องมากมาย ทั้งขัดหลักการบริหารงบประมาณแผ่นดิน ขาดความโปร่งใส เปิดช่องทุจริต ไม่มีการศึกษารายละเอียดความคุ้มค่าของแต่ละโครงการ เป็นการบริหารประเทศแบบมักง่าย ไม่คำนึงถึงความคุ้มค่าและการป้องกันการทุจริต นำประเทศไปสู่ความเสี่ยง จึงขอให้ประชาชนจับตาคำวินิจฉัยของศาลในวันนี้ ถ้าไม่ขัดรัฐธรรมนูญสังคมก็ควรร่วมกันพิจารณาข้อกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ทั้งนี้หากขัดรัฐธรรมนูญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต้องลาออกจากตำแหน่ง แม้จะอยู่ในสถานะปฏิบัติหน้าที่ไม่ใช่นายกฯ ตัวจริงก็ตาม เพราะนายพงษ์เทพ ก็เคยพูดว่าถ้าขัดรัฐธรรมนูญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบในทางใดทางหนึ่ง จะอ้างว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วไม่ได้ อีกทั้งในการพิจารณาของสภา ก็มีการชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของกฎหมายดังกล่าว แต่รัฐบาลไม่เคยรับฟังใช้เผด็จการรัฐสภาออกกฎหมาย

“ปู” บ่นเสียดายไทยเสียโอกาส

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบข่าวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านบาท ขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งจะดูรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกครั้ง ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นที่น่าเสียดาย เพราะจะทำให้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประทศต้องหยุดชะงัก รวมทั้งไทยยังสูญเสียโอกาสที่จะเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน หากรองบประมาณมาดำเนินการ จะมีความล่าช้า พร้อมหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเห็นความสำคัญและสานต่อ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน หากมีความยุติธรรมในสังคม มีหลักเมตตาธรรม จะทำให้สังคมเดินหน้าไปได้ ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมจะยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกฯ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอๆ ว่า วันนี้ดิฉันก็เจอทุกรูปแบบแล้วหละค่ะ ก็ไม่รู้ว่ากลไกต่างๆ นั้น ก็อยากขอว่าอย่างน้อยให้เรามีความยุติธรรมอยู่ในสังคม เรามีหลักเมตตาธรรมที่ให้กับทุกคนที่เราต้องการที่จะคิดว่าเราทำเพื่อประเทศ ก็อยากให้มองที่เจตนา และก็อย่ามองการใช้ข้อกฎหมายเป็นข้อที่จะลิดรอนหรือเป็นข้อที่จะตัดสิทธิ์ทุกคนเลย แล้วอย่างนี้เราจะไปกันลำบาก การพัฒนาประเทศก็ลำบาก เพราะถ้าเรามุ่งแต่บอกว่าทำทุกอย่างใช้ข้อกฎหมายในการตัดสิทธิ์โดยที่ไม่ฟังเจตนารมณ์เบื้องต้น อันนี้ต่างหากที่เราหวังว่าเราจะได้รับความเข้าใจและได้รับความยุติธรรมและความเห็นใจ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า วันนี้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยใช่หรือไม่ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบคำถามและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปเดินทักทายพบปะประชาชนที่มารอต้อนรับอยู่ที่ว่าการอำเภอบ้านแท่นทันที ทั้งนี้ในระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทักทายนั้นประชาชนก็ได้พากันตะโกนให้นายกฯ สู้ ยิ่งลักษณ์สู้ๆ เป็นระยะ

หน้าเครียดถก “ชัชชาติ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก็ได้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับรัฐมนตรีที่เดินทางมาด้วยและผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยดังกล่าวออกมา และหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ นายกฯ ได้นั่งพูดคุยกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม และนายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์ด้วยสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด

“วราเทพ” ยันรัฐไม่ต้องรับผิดชอบ

นายวราเทพ รัตนากร ปฏิบัติหน้าที่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญว่า รัฐบาลพร้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคำตัดสินออกมาก็ถือว่ามีผลผูกพันแล้ว แต่ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้รับคำวินิจฉัยดังกล่าวอย่างเป็นทางการ แต่การตัดสินดังกล่าวมีผลให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวตกไป ทำให้ไม่สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ หรือนำมาใช้ได้ จึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ทั้งนี้ยังส่งผลให้การอนุมัติโครงการต่างๆ ยุติลงไปด้วย ทั้งนี้หากจะมีการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ต่อไปในอนาคตก็คงต้องใช้เวลามากขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้ที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนั้น ยืนยันว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้ผ่านกระบวนการตามขั้นตอนของรัฐสภาซึ่งถือว่าได้รับการตรวจสอบแล้ว แต่หากว่าศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นต่างๆ ก็ถือว่าเป็นคนละประเด็น และทั้งนี้มองว่านักวิชาการที่ไปให้ความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นฝ่ายตรงข้างรัฐบาลแทบทั้งสิ้น

ซัดศาล รธน.แทรกแซงฝ่ายบริหาร

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊คศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยว่าร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่าหากวินิจฉัยในแนวทางดังกล่าวจะมีปัญหา 3 ข้อ คือ 1. ศาลฯ แทรกแซงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติอีกแล้ว เนื่องจาก การวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อบังคับการประชุมเป็นอำนาจรัฐสภา ไม่ใช่ศาล รธน. 2.ศาลฯ ก้าวก่ายฝ่ายบริหารในการตัดสินใจว่าควรทำโครงการอะไร และ 3. ศาลรธน.ขัดแย้งกับคำวินิจฉัยเดิมของศาลรัฐธรรมนูญเองที่เคยวินิจฉัยไว้ว่าการออกกฎหมายกู้เงินมาทำโครงการไม่เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเหตุผลที่กฤษฎีกาใช้ชี้แจงให้รัฐบาลที่ผ่านๆ มาก็คือเงินกู้ไม่ใช่เงินแผ่นดินในมาตรา 169

กปปส.เฮศาลรธน.ตีตกเงินกู้

ส่วนบรรยากาศการชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นทรงประมุข (กปปส.) ที่สวนลุมพินี ในช่วงเช้า ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันพักผ่อนตามเต็นท์ที่พักขนาดใหญ่ และใต้ร่มไม้รอบๆ สวนลุมพินี ขณะผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งก็เดินทางไปร่วมชุมนุมกับชาวนาที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่ ผู้ชุมนุมบางส่วนก็เข้าร่วมกิจกรรมการเสวนาปฏิรูปประเทศไทยที่จัดขึ้นภายในศูนย์เยาวชนสวนลุมพินี ซึ่งกิจกรรมบนเวทีก็ยังมีการแสดงดนตรีสลับการปราศรัยของแกนนำอย่างต่อเนื่อง ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัยแจ้งมติศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยให้ร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ….หรือ พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดต่อรัฐธรรมนูญซึ่งมีผลให้กฎหมายดังกล่าวตกไป ทำให้ประชาชนไม่ต้องเป็นหนี้อีก 50 ปี นอกจากนี้ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นเรื่องถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งด้วย เพราะการที่รัฐบาลเสนอกฎหมายใดและต้องตกไปนั้น รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกทั้งคณะ ทั้งนี้ ภายหลังที่นายสาทิตย์ แจ้งเรื่องดังต่อมวลชนที่เข้าร่วมชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต่างส่งเสียงแสดงความดีใจ พร้อมเป่านกหวีดดังลั่นทั่วพื้นที่การชุมนุมบริเวณสวนลุมพินี

ตั้งวงปฏิรูปประเทศ

ส่วนที่อาคารศูนย์เยาวชนสวนลุมพินี กปปส. ได้จัดเวทีระดมความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง “ปฏิรูประบบตรวจสอบ ปลูกสำนึกคนไทย ขจัดภัยคอรัปชั่น” โดยมี น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป เป็นประธาน โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวเปิดการเสวนาว่า การปฏิรูปประเทศในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นนั้นถือเป็นภารกิจสำคัญอย่างยิ่ง ปัญหาดังกล่าวในประเทศมันระบาดอย่างรวดเร็ว รุนแรงจนเป็นที่หวั่นวิตกจะทำให้ประเทศเสียหายย่อยยับ และประชาชนในประเทศต่างก็เรียกร้องให้ปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจังเพราะทุกครั้งที่ตนไปเดินรณรงค์บนถนน ประชาชนที่ออกมาจับมือและมอบเงินสนับสนุนการชุมนุมทุกคนต่างฝากความหวังว่าให้เราจัดการเรื่องนี้มากกว่าเรื่องอื่น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางแก้ไขซึ่งการเสวนาครั้งนี้สำคัญขอให้เราตั้งความหวังว่าจะสามารถขจัดการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้ผลแท้จริง เพื่อให้หลังจากที่มีรัฐบาลประชาชนเข้ามา ก็จะสามารถทำงานได้ทันทีและหากสามารถยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ด้วยก็จะยิ่งดี อย่างไรก็ตาม หลังจากนักวิชาการได้นำเสนอกรอบแนวคิดแล้วได้มีการเปิดเวทีซักถาม และระดมความคิดโดยประชาชนที่เข้าร่วมการเสวนาหลังจากนั้นจึงมีการปิดกิจกรรมในช่วงเช้าไปในเวลา 12.45 น.ก่อนจะเปิดเวทีอภิปรายกรอบแนวคิด “ปฏิรูประบบตรวจสอบ ปลูกสำนึกคนไทยขจัดภัยคอรัปชั่น” ในเวลา 13.30 น. เพื่อหาข้อสรุปที่จะไปปรับเป็นข้อเสนอในการปฏิรูปต่อไป

“เฉลิม” หนุน เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบหรือ ศรส. กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับเลขธิการ สมช. ว่าเห็นควรยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หลังศาลแพ่งมีคำสั่ง 9 ข้อห้ามในการดำเนินการของ ศรส. ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เนื่องจาก ศรส. ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แต่หากยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินและจะใช้ข้อกฎหมายใดมาควบคุมสถานการณ์ก็เป็นเรื่องที่ครม. และนายกรัฐมนตรีจะพิจารณา “ส่วนตัวเห็นควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยหากมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งเชื่อมโยงกับกระทรวงยุติธรรม และรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลงานควรเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม หรือนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งกำกับดูแลการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนตนเป็น รมว.แรงงานไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ และมองว่าการทำงานในหน้าที่ ผอ.ศรส.เป็นงานในสถานการณ์พิเศษ หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษ รมว.แรงงานก็ไม่ควรมีหน้าที่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ฟันธงหลังสงกรานต์เดือด

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ระบุว่าเดือน มี.ค. สถานการณ์จะรุนแรง ตนเป็นคนไม่เชื่อหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่มีแหล่งข่าวของตัวเอง สำคัญที่สุดคือกลางเดือนเม.ย. ที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลคดีรับจำนำข้าว ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ไม่มีอะไรตื่นเต้น ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีเงินพัฒนาประเทศ รัฐบาลไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไร เมื่อถามว่า หลังสงกรานต์มีเรื่องแน่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ตนมองอย่างนั้น” ถามต่อไปว่า หากผล ออกมานายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า มีเพราะนายกฯ ได้รับการยอมรับจากประชาชนสูง หาก ป.ป.ช.ตัดสินมีเหตุผล ความรุนแรงจะไม่เกิด แต่ถ้าตัดสินค้านสายตาคนดูมีเรื่องแน่

ศรส.เร่งจับ 3 แกนนำบุกยึด ก.พลังงาน

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุม ว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับนายระวี มาศฉมาดล, นายทศพล แก้วทิมา และนายธวัชชัย พรหมจันทร์ รวม 3 คน ในข้อหาความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง จากการนำมวลชนเข้าบุกรุกปิดล้อมกระทรวงพลังงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนายระวี กับพวก รวม 3 คนดังกล่าวแล้ว ซึ่ง ศรส.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาดำเนินคดีโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ศรส.ได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ได้กำหนดมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ทั้งในวันเลือกตั้งล่วงหน้า 23 มีนาคม และวันเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 30 มีนาคม 2557 โดยจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาขึ้นในทุกระดับ โดยจัดชุดรักษาความปลอดภัยสถานที่เลือกตั้ง สถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง และสถานที่เก็บบัตรเลือกตั้ง รวมถึงสนับสนุนการเลือกตั้งตามที่ กกต.จะได้ร้องขอ โดยมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1 แสนนาย เพื่อให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปลายเดือนนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จี้เลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวทวงถามข้อเรียกร้องที่ให้ ศรส.ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งรัฐบาลมีแนวโน้มว่าจะยกเลิกแต่ยังมีคนในรัฐบาลไม่เห็นด้วย อยากคงอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ว่า เมื่อรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อป้องกันและปราบปรามไม่ให้ใช้ความรุนแรง ต่อการชุมนุมของประชาชน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมยังเกิดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นข้ออ้างที่ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินป้องกันความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมจึงไม่เป็นความจริงและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ตรงกันข้ามยังเป็นผลร้ายทางด้านเศรษฐกิจของชาติ เพราะหลังประกาศใช้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทันที เพราะต่างชาติประกาศให้นักท่องเที่ยวงดท่องเที่ยวในไทยและอีกหลายประเทศไม่สามารถทำประกันภัยในภาวะฉุกเฉินได้ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ได้ก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นลูกโซ่ แตกต่างจากการชุมนุมที่นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาได้ตามปกติ และยังมีการเดินทางไปที่ชุมนุมเพราะเห็นว่าเป็นงานมหกรรมมากกว่าที่จะเป็นการชุมนุม นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการลงทุนทั้งของไทยและต่างชาติ โดยจะเห็นว่าหลังการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลต่อตลาดทุนเพราะมีผลทางจิตวิทยาต่อภาวะไหลเข้า – ออกของเงินเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทยกำลังถูกกัดกร่อน ดังนั้นรัฐบาลควรใช้สองปัจจัยนี้ไปเป็นหลักในการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะยังมีประมวลกฎหมายอาญาซึ่งใช้เล่นงานแกนนำและผู้ชุมนุมอยู่แล้ว จึงเห็นว่าการใช้กฎหมายอาญามีความร้ายแรงกว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่รัฐบาลหวังว่ากฎหมายนี้จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ทำผิด อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏว่ามีการก่อการร้าย หรือทำลายความมั่นคงของชาติ รัฐบาลจึงควรเร่งยุติการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะยิ่งยกเลิกเร็วเท่าไหร่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น

 

 

 

วันที่ 13/03/2557 เวลา 7:32 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

209

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน