“จรัมพร” วางมือบริหารตลาดหุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยืนยันว่าตนเองจะไม่ลงรับสมัครเพื่อเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปอีก 1 สมัย หลังจากที่จะหมดวาระในวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยรู้สึกพอใจกับผลงานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ที่ได้ดำเนินการแผนงานทุกอย่างได้ตรงตามเป้าหมาย ทั้งการยกระดับตลาดหลักทรัพย์ไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้าของภูมิภาคอาเซียน ทั้งในเรื่องของปริมาณและคุณภาพ
โดยเป้าหมายต่อไปที่ยังคงค้างอยู่เพื่อให้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่สานต่อ คือการยกระดับตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ใกล้เคียงกับไต้หวัน ซึ่งปัจจุบันยังห่างกันเกือบเท่าตัว ทั้งในแง่ของปริมาณการซื้อขายและมาร์เก็ตแคป ส่วนในกลุ่มอาเซียน คือ การดันมาร์เก็ตแคปให้ใกล้เคียงกับสิงคโปร์ โดยตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีมาร์เก็ตแคปอยู่ราว 4 แสนล้านเหรียญ ขณะที่สิงคโปร์อยู่ที่ 7 แสนล้านเหรียญ
“ยืนยันว่าคงจะไม่ลงสมัครเป็นแคนดิเดตแล้ว เพราะรู้สึกว่าถึงเวลาอันเหมาะสมในการลงจากตำแหน่งนี้ โดยที่ผ่านมารู้สึกพอใจผลงานตัวเองเป็นอย่างมาก ได้ยกระดับตลาดหลักทรัพย์ไทยให้ขึ้นไปแซงหน้าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่กิจกรรมทางการลงทุนต่างก็มีเพิ่มมากขึ้นใน 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ขยายฐานนักลงทุนได้เป็นจำนวนมาก ส่วนแคนดิเดตที่จะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่นั้น น่าจะได้ข้อสรุปในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ โดยผมจะหมดวาระในวันที่ 31 พ.ค. ส่วนจะไปทำอะไรต่อไปนั้นยังไม่สามารถบอกได้” นายจรัมพร กล่าว
น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวถึงผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดยบริษัท Fitch Ratings (Fitch) ว่า Fitch ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศและสกุลเงินบาทของรัฐบาล ที่ระดับ BBB+ และ A- ตามลำดับ โดยมีมุมมองที่มีเสถียรภาพ รวมทั้ง ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันไม่ด้อยสิทธิ์สกุลเงินตราต่างประเทศและสกุลเงินบาท ที่ระดับ BBB+ และ A- ตามลำดับ พร้อมทั้งยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาล ที่ระดับ F2 และเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศที่ระดับ A-
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่มีผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือการยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือ และแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของ Fitch ในครั้งนี้ สะท้อนปัจจัยต่างๆ ประกอบด้วย ไทยมีสถานะภาคต่างประเทศที่แข็งแกร่ง และกรอบนโยบายทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งตัวชี้วัดหลักด้านการคลังภาครัฐอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอันดับความน่าเชื่อถือเดียวกัน
วันที่ 12/03/2557 เวลา 7:25 น.