ศึกชิงสว.กร่อยไร้ดี-เด่น-ดัง
สมัครชิงส.ว.สุดกร่อย สรุปมี 239 คน ไร้คนดี-เด่น-ดัง “เมียขวัญชัย”ลงชิงส.ว.อุดรฯ ขณะที่ “เมียปลัดเสถียร” โผล่ชิงส.ว.อุบลฯ ด้านแกนนำกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ลงชิงส.ว.เชียงใหม่ ที่อุทัยฯ ได้ตัวส.ว.แล้ว “ไพโรจน์ ทุ่งทอง” เต็งจ๋านอนมาไร้คู่แข่ง ด้าน พท.ชักแถวจี้ กกต.เร่งจัดเลือกตั้งส.ส.ให้จบเพื่อเปิดสภาฯได้ แนะเลือกตั้งส.ว.พ่วงส.ส.วันเดียวกัน ขณะที่ ปชป.สวนกลับพวกสภาโจ๊ก ส่วน “เฉลิม” ประชดส่งตั้ง “พรรคทักษิณ” หาก พท.ถูกยุบ ด้าน “กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์” แถลงรัฐบาลยิ่งลักษณ์สิ้นสภาพรักษาการแล้ว ชี้ 3 ปมต้องพ้นจากเก้าอี้ตาม รธน.
รับสมัคร ส.ว.วันแรกฉลุยเรียบร้อยดี
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) วันที่ 4 มี.ค.ซึ่งเป็นวันแรกว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั่วประเทศมีผู้สมัคร 239 คน แยกเป็นผู้สมัครที่เป็นผู้ชาย 209 คน และผู้สมัครที่เป็นผู้หญิง 30 คน โดยจังหวัดเชียงใหม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ว.มากที่สุด 11 คน และทุกจังหวัดมีผู้มาสมัครครบแล้ว ทุกจังหวัดภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง การปิดล้อม หรือมาขัดขว้าง การรับสมัครเหมือนการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา
เชียงใหม่แห่สมัคร ส.ว.แล้ว 10 คน
ที่สำนักงาน กกต.เชียงใหม่ ได้มีผู้สมัครทยอยมารับสมัครเลือกตั้งก่อนเวลา 08.30 น. โดยผลการจับสลากผู้สมัคร 10 คน โดย หมายเลข 1.นายสมพงษ์ ค่ายคำ 2.นายเพทาย เตโชฬาร 3.นายอดิศร กำเนิดศิริ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ 4.นายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน จ.เชียงใหม่ 5.นายพงศ์พันธุ์ ไชยวัณณ์ 6.นายถาวร เกียรติไชยากร อดีต ส.ว.เชียงใหม่ (2543-2549) 7.นายกฤษณพงษ์ พรมบึงรำ แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 8.นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่ 9.นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 และ 10.ร.ต.ต.สมพล เกษมมาลา ที่ปรึกษาศูนย์การศึกษาไร้พรมแดนล้านนาอาเซียน
“เมียขวัญชัย” ลงสมัคร ส.ว.อุดรฯ
ส่วนที่ จ.อุดรธานี ที่ห้องประชุมคำชะโนด ศาลากลาง จ.อุดรธานี มีผู้เดินทางมาลงชื่อ เพื่อลงสมัคร ส.ว.ก่อนเวลา 08.30 น. 4 คน อย่างไรก็ตามผลการจับสลาก 4 คน หมายเลข 1 คือ นางอาภารณ์ สาราคำ เป็นภรรยาของนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร หมายเลข 2 นางอมรรัตน์ ชัยนาม เป็นประธานกลุ่มสตรีอำเภอหนองวัวซอ หมายเลข 3 นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ที่มีบทบาทออกมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ในหลายเรื่อง เช่น การช่วยผู้ถูกหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ และ หมายเลข 4 นายวัลลภ จันดาเบ้า อดีตข้าราชการบำนาญ สนง.เกษตรจังหวัดอุดรธานี
“เมียปลัดเสถียร” โผล่ชิง ส.ว.อุบลฯ
ที่ จ.อุบลราชธานี ผลการจับสลาก หมายเลข 1 คือ นายไสว ศรีจันทร์ อดีตผู้จัดการ ธ.ก.ส. ปัจจุบันเป็นนักจัดรายการวิทยุ ธ.ก.ส.เพื่อประชาชน และเป็นประธานชมรมและสมาคมในชนบทหลายแห่ง หมายเลข 2 นายธีระพงษ์ มุสะกะ เป็นข้าราชการครูเกษียณ หมายเลข 3 นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ประธานบริษัทโตโยต้าดีเยี่ยมอุบลราชธานี นักธุรกิจที่ฟันฝ่าความยากจนสมัยเด็ก กระทั่งร่ำรวยจากการขายรถยนต์ หมายเลข 4 นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลคำขวาง อ.วารินชำราบ และเป็นภรรยาของ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเจอมรสุม ป.ป.ช.สั่งยึดทรัพย์จำนวนหลายสิบล้านบาท
นักข่าว-อดีตนายก อบจ.อุตรดิตถ์ลงชิง
ที่ศาลาประชาคม จ.อุตรดิตถ์ ผลการจับสลาก หมายเลข 1 คือ นายโปรย สมบัติ ประธานชมรมสื่อมวลชนจังหวัดอุตรดิตถ์ อายุ 72 ปี หมายเลข 2 คือ นายพีระศักดิ์ พอจิต อดีตนายก อบจ.อุตรดิตถ์ และ อดีต ส.ว.อุตรดิตถ์ ปี 2549 โดยมีประชาชนที่มาให้กำลังใจต่างมอบดอกไม้ พวงมาลัยให้กำลังใจผู้สมัคร ทั้งนี้ มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ว.จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เคยแสดงความประสงค์และติดต่อขอใบสมัครจาก กกต.มาร่วมสังเกตการณ์ แต่ไม่ยื่นใบสมัคร
5 คนลงชิง ส.ว.ลพบุรี
ที่สำนักงาน กกต.ลพบุรี มีผู้มาลงชื่อสมัครก่อนเวลาทำการ 5 ราย คือ นางประไพพิศ วงษ์สุวรรณ์ ภรรยาของนายวรวิทย์ วงษ์สุวรรณ์ อดีต ส.ว.ที่ครบวาระ จับสลากได้หมายเลข 1 นายประยุทธ์ คงเฉลิมวัฒน์ หมายเลข 2 นายสุรชัย ศรีแสงอ่อน หมายเลข 3 นายประทวน สุทธิอำนวยเดช อดีตอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรี หมายเลข 4 นางปวีณา อุ้ยลี หมายเลข 5
สมัคร ส.ว.กรุงเก่าวันแรกคึกคัก
ที่ห้องประชุมชั้น 4 ศูนย์ราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ช่วงเช้ามีผู้สมัครเดินทางมาลงทะเบียนยื่นความจำนงสมัครจำนวน 4 ราย โดยมีการจับสลากเลือกเบอร์ ปรากฏว่าหมายเลข 1 ได้แก่ นายนภดล อมรเวช อายุ 44 ปีเป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง 2.นายเฟื่องวิทย์ ชูตินันท์ อายุ 55 ปี ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข 3.นายคณิพงษ์ แขวัฒนะ อายุ 44 ปี เป็นพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ 4. พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ อายุ 61 ปี อดีต ผบช.ศชต. ซึ่งบรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ยะลารับสมัคร ส.ว.คึกคัก
ที่ห้องประชุมปกครอง ศาลากลางจังหวัดยะลาหลังเก่า ตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนเวลา 08.30 น. ได้มีผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ว. จำนวน 3 คน คือ นายอับดุลอายี สาเม็ง, นายจิรภัฎ ฤกษ์มณีรัตน์ (ต่วนมะ) และนายอับดุลเล๊าะ อาเยาะแซ ซึ่งผู้ที่หยิบใบสมัครได้หมายเลข 1 คือนายอับดุลเล๊าะ อาเยาะแซ หมายเลข 2 นายจิรภัฎ ฤกษ์มณีรัตน์ (ต่วนมะ) และหมายเลข 3 คือนายอับดุลอายี สาเม็ง โดยบรรยากาศรอบสถานที่รับสมัครเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัครทั้ง 3 ราย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายวิชัย เรืองเริงกุลฤทธิ์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดยะลา ได้เดินทางมาดูแลติดตามการรับสมัครเลือกตั้ง สว. อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจและอาสารักษาดินแดนคอยดูแลความปลอดภัยบริเวณสถานที่รับสมัครในครั้งนี้ด้วย
“ไพโรจน์” เต็งจ๋า ส.ว.อุทัยธานี
ที่ห้องประชุม สำนักงาน กกต.อุทัยธานี ช่วงเช้า มีเพียง นายไพโรจน์ ทุ่งทอง เดินทางไปลงสมัครรับเลือกตั้ง ตั้งแต่ก่อนเวลา 08.30 น. จนถึงหลังเวลาเปิดรับสมัคร ยังไม่มีผู้ไปลงสมัครเพิ่ม ทำให้นายไพโรจน์ ทุ่งทอง ได้หมายเลข 1 ของการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ว.อุทัยธานี ในครั้งนี้ สำหรับนายไพโรจน์ ทุ่งทอง มีอาชีพเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของสวนลุมไนท์บาซ่าร์ และอีกหลายธุรกิจ เป็นอดีต ส.ส.อุทัยธานี และ อดีต ส.ว.อุทัยธานี (เลือกตั้งเมื่อปี 2549) เป็นญาติผู้พี่ของนายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.ที่เพิ่งครบวาระ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงถือเป็นตัวเต็ง
คาดเปิดประชุม ส.ว.ปฏิญาณ เม.ย.
นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการเลือกตั้ง ส.ว.แทน ส.ว.เลือกตั้งที่ครบวาระดำรงตำแหน่ง ว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปอย่างราบรื่นตามที่กำหนดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้ง วันที่ 30 มี.ค. นี้ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าหลังจากที่ ส.ว.ได้รับเลือกตั้งแล้วจะเข้าสู่การปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างไร หากสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้ได้ส.ส.ครบเกณฑ์ 95 เปอร์เซ็นต์ และไม่สามารถกำหนดวันเปิดประชุมสภาฯ หรือสมัยประชุมได้ ตนเห็นว่าอาจจะให้ ส.ว.ชุดใหม่เข้าปฏิญาณตนได้ในช่วงของการขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ช่วงเดือนเมษายนนี้ เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่ แทนนายใจเด็ด พรไชยยา กรรมการ ป.ป.ช. ที่จะหมดวาระเนื่องจากอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 12 มี.ค.นี้
พท.จี้ กกต.เลือกตั้ง ส.ว.พ่วง ส.ส.
วันเดียวกันนี้ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวมติที่ประชุมหารือปัญหาการขัดขวางการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่าที่ประชุมมีมติจะเสนอให้ กกต.ทั้ง 5 ท่าน จัดการเลือกตั้งที่ตกค้างใน 28 เขต 8 จังหวัดภาคใต้ พร้อมกับการเลือกตั้ง ส.ว.ในวันที่ 30 มี.ค. เพราะจะเป็นการประหยัดงบประมาณการเลือกตั้ง สะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาเลือกตั้ง และการประกาศรับรองสิทธิ์ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตพื้นที่ภาคใต้โดยเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้มีการเปิดประชุมสภาฯ และจัดตั้งรัฐบาลใหม่เร็วขึ้น เพราะอำนาจหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง กกต.มีอำนาจโดยตรงอยู่แล้ว
ส.ส.หญิง พท.จี้ กกต.เร่งจัดเลือกตั้ง
ขณะที่นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ผอ.ศูนย์ติดตามผลกระทบจากการชุมนุมเฉพาะกิจ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.หญิง พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าว โดยกล่าวว่า พวกเราอยากให้ กกต.เร่งรัดจัดการเลือกตั้งใน 28 เขตภาคใต้โดยเร็ว เพื่อที่จะได้เปิดสภาฯ เลือกนายกฯ คนใหม่ ทั้งนี้ อยากจะขอความเป็นธรรมและเป็นกลางต่อองค์กรอิสระ อย่าได้มี 2 มาตรฐาน พวกเราอยากเรียกร้องไปยัง ผบ.เหล่าทัพ ถึงกรณีที่ รมว.กลาโหม ถูกกระทำย่ำยี ด่าทอต่างๆ นานา บนเวที กปปส.ทุกวี่ทุกวัน เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว เหตุใดผู้ชายอกสามศอกถึงยังไม่ดำเนินการอะไร ปล่อยให้ม็อบมาด่าและคุกคามผู้บังคับบัญชาแบบนี้ ผบ.เหล่าทัพ ควรที่จะจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งได้แล้ว แถมล่าสุด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ยังได้นำมวลชนคุกคามธุรกิจและครอบครัวตระกูลชินวัตร
“เฉลิม” ประชดตั้งพรรคทักษิณหากยุบ พท.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. สั่งดำเนินคดีกับฝ่ายที่มีแนวคิดเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน ว่า พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งความนั้นถือว่าถูกต้องแล้ว แต่ต้องให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาแก้ข้อกล่าวหา ถ้าปรากฏหลักฐานว่าผิดต้องสั่งฟ้อง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็พอใจเพราะท่านทำหน้าที่ของท่านแล้ว ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นยุบพรรคเพื่อไทยโดยระบุว่านายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนนั้นอย่าไปใส่ใจ ยุบเมื่อไหร่ก็ตั้งอีก ไม่มีปัญหา อยากยุบกันมากก็ตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคทักษิณ ตนจะตั้งแล้วอาจจะเป็นหัวหน้าเอง จบไปเลยทีนี้ อยากยุ่งกันนัก
ปชป.ฉะ พท.ผลักดันประชุมสภาโจ๊ก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ว่าที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย บางส่วน เข้าพบ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา เพื่อขอจัดเวทีระดมความคิดของ ว่าที่ ส.ส.ให้เหมือนการประชุมสภา และทำงานได้จริง โดยไม่รอให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ว่า การจัดเวทีระดมความคิดทำได้ตามสิทธิ เหมือนกับกรณีวันเด็กแห่งชาติ ที่มีเด็กเยาวชนมาใช้สถานที่ของรัฐสภา แต่ต้องเข้าใจเหตุที่ กกต.ยังไม่ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง เพราะมองเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีปัญหา และยังไม่ได้ ส.ส.ครบ 95% ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และหากมีการประกาศผลรับรองการเลือกตั้งไปแล้ว จะเป็นการชี้นำในเขตที่ยังมีปัญหาในการจัดเลือกตั้งทดแทน เพราะจะเป็นการโน้มน้าวชี้นำได้ และอาจเห็นว่า จะมีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งนี้ว่า ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดังนั้น ถ้า กกต.ยังไม่รับรองผลเลือกตั้ง ก็ถือว่ายังไม่ได้เป็น ส.ส.ส่วนเรื่องเงินเดือน ส.ส.ที่ระบุว่าจะไม่ขอรับนั้น ก็ไม่มีสิทธิ์รับอยู่แล้ว เพราะต้องได้รับการรับรองผลจาก กกต.และต้องมีการปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภา เมื่อเปิดสภาไม่ได้ก็ปฏิญาณตนไม่ได้ ครั้งนี้จึงเหมือนการสร้างภาพที่จะขอทำหน้าที่ ส.ส.ตนเห็นว่า พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ การพูดความจริงไม่หมด และหลอกได้แต่เฉพาะชาวบ้านหรือคนที่ไม่รู้เท่าทันนั้น หากจะใช้ห้องประชุมสภาทำหน้าที่ของว่าที่ ส.ส.ที่ กกต.ยังไม่รับรองผล มันก็แค่สภาโจ๊กของจริงตัวจริง และคนที่อนุญาตต้องตรองดูว่า มันจะทำให้เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของสภาตกต่ำลงไปกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่
กกต.ร้องศาล รธน.ชี้ขาด 28 เขตแล้ว
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า กกต.ทั้ง 5 คน ได้เซ็นลงนามในคำร้องกรณีปัญหา 28 เขตเลือกตั้ง พร้อมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการหารือร่วมกับที่ปรึกษากฎหมาย และผู้ทรงคุณวุฒิ ก็ได้พิจารณาและขอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดใน 3 ประเด็น ดังนี้ 1.สำหรับการเลือกตั้ง 28 เขตที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือไม่สามารถจัดให้มีการประกาศรับสมัครเลือกตั้งได้ และไม่มีการจัดการเลือกตั้ง หาก กกต.จะดำเนินการให้มีการประกาศรับสมัครเลือกตั้งใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 และมาตรา 236 ประกอบมาตรา 93 วรรคหก กกต.จะมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะดำเนินการออกประกาศของ กกต.เพื่อรับสมัครเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง และดำเนินการให้มีการหาเสียงเลือกตั้ง กำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ สำหรับ 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัคร หรือไม่สามารถจัดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งได้หรือไม่ 2.หาก กกต.ไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะดำเนินการออกประกาศรับสมัครเลือกตั้งใหม่ สำหรับ 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัคร หรือไม่สามารถจัดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งได้หรือไม่ การกำหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้งใหม่ จะต้องกระทำโดยการตราพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยเฉพาะของนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องนำความกราบบังคมทูลและสนองพระบรมราชโองการในการตราพระราชกฤาฎีกาดังกล่าว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 และมาตรา 187 ใช่หรือไม่ 3.หากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าจะต้องมีการตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเพื่อดำเนินการให้มีการรับสมัครเลือกตั้งใหม่ใน 28 เขตเลือกตั้ง การตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะสามารถกำหนดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งขึ้นใหม่เฉพาะ 28 เขตเลือกตั้ง หรือจะต้องตราพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ในทุกเขตเลือกตั้ง จึงจะชอบด้วยหลักการของการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง ที่กำหนดว่าการเลือกตั้งทั่วไปภายหลังจากยุบสภาผู้แทนราษฎร จะต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า 3 ประเด็น มีเนื้อหาที่ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งทั้งหมด และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาอย่างไร กกต.ก็พร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม
แถลงนายกฯ สิ้นสภาพตาม รธน.แล้ว
วันเดียวกันนี้ กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ แถลงการณ์เรื่องการสิ้นสุดลงของรัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของรักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สิ้นสุดลงปราศจากฐานที่จะอ้างความชอบธรรมใดๆ ตามรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป สืบเนื่องมาจาก 1.ความล้มเหลวของการเลือกตั้ง การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ไม่อาจนำไปสู่การเปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ตามมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะขัดกับมาตรา 108 ของรัฐธรรมนูญ และปัญหาอื่นๆ อีกหลายประการ การดำรงอยู่ของรัฐบาลจึงมิอาจดำรงอยู่ได้อีกต่อไป 2.ความล้มเหลวของรัฐบาล รัฐบาลรักษาการภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในภาวะล้มเหลวในการบริหารโดยสิ้นเชิง 3.ส่วนประกอบต่างๆ ของรัฐบาลกระทำการปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐบาลไม่อาจอาศัยความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ประกอบกับรัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจของฝ่ายบริหารในการสั่งการใดๆ ได้ ตลอดทั้งศาลได้มีคำสั่งห้ามมิให้ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ใช้อำนาจตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้อีกต่อไป “องคาพยพของรัฐบาล” จึงหันไปใช้กองกำลังติดอาวุธที่เคยใช้ได้ผลเมื่อ พ.ค.53 เพื่อข่มขู่คุกคามผู้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธถือหลักสันติอหิงสา จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้มตายของผู้บริสุทธิ์ คนแล้วคนเล่า ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เดียงสาจนล่าสุดมีการเดินพลสวนสนามของกองกำลังอาสาสมัคร และต่อมามีการรับสมัครอาสาสมัครโดยกล่าวอ้างว่าเพื่อปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปสู่ “การแบ่งแยกประเทศ” เป็น “ประเทศอีสานล้านนา” นั้น การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นพฤติกรรมที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญจนไม่อาจยอมรับได้อีกต่อไป
วันที่ 5/03/2557 เวลา 5:18 น.