เปิดกลยุทธ์ กลุ่มเซ็นทรัล
ตลอดปี 2556 ที่ผ่านมา จะเห็นการขยายธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในช่วงปีที่ผ่านมา จะยังไม่เติบโตเท่าใดนัก แต่กลุ่มเซ็นทรัลก็ไม่หยุดการขยายธุรกิจ หรือจะใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส ใช้งบประมาณที่มีอยู่ขยายธุรกิจ รับการเติบโตของกำลังซื้อที่กำลังจะค่อยๆ เติบโตจากช่วงนี้ไป และไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น ต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา จวบจนถึงปัจจุบัน และคาดว่าจะลากยาวไปจนถึงกลางปีนี้ ก็อาจจะเป็นได้
แต่การทำธุรกิจแล้ว นักบริหารที่เป็นนักธุรกิจต้องมีแผนกลยุทธ์รองรับทั้งระยะสั้น กลาง และระยะยาว ดังนั้น จึงไม่แปลกใจว่ากลุ่ม เซ็นทรัล จึงปรับทัพองค์กร เสริมพลังผสานศักยภาพ เผย 8 กลุ่มธุรกิจใหม่ทะยานสู่ระดับโลก ทุ่ม 44,000 ล้าน ตั้งเป้า 267,000 ล้านบาทในปี 2557
สำหรับผลประกอบการปี 2556 ที่ผ่านมาก็สามารถทำยอดขายได้โดดเด่น มียอดขายรวมกันทั้งสิ้นกว่า 233,993 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 19 ปี 2557 ตั้งเป้าความสำเร็จกว่า 267,000 ล้านบาท ที่อัตราเติบโต 14% ซึ่งการปรับผังองค์กรใหม่เพื่อความคล่องตัวใน 8 กลุ่มธุรกิจใหม่ พร้อมมีทีมผู้บริหารที่จะนำทัพขึ้นสู่ระดับโลก เน้นการขยายตัวอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ความเป็นเลิศด้านการ “สร้างแบรนด์” (Branding), “สร้างคน” (People), “สร้างซินเนอร์จี” (Synergy) และ “สร้างความเป็นหนึ่ง” ผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลภายใต้แนวคิด “One Group” วิสัยทัศน์สำคัญ ขอเป็นผู้ร่วมนำธุรกิจค้าปลีกและบริการไทยสู่ระดับโลก และสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น จังหวัด ในประเทศที่ขยายไป พร้อมนำเศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน
ขยายธุรกิจต่อเนื่อง
นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ กรรมการและประธานคณะที่ปรึกษา บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2556 ที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งความท้าทาย ที่ภาคเอกชนและประชาชนชาวไทยร่วมฟันฝ่าก้าวข้ามวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจไปด้วยกัน เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งขององค์กร และกลุ่มเซ็นทรัลมีความภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่เราก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆ มาได้อย่างสง่างาม ด้วยยอดขายของธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัลในปี 2556 สูงถึง 233,993 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 19 ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 18 กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (CPN) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 16 กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (CMG) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 15 กลุ่มธุรกิจโรงแรม (CHR) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 25 กลุ่มธุรกิจอาหาร (CRG) มีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 8
การเติบโตจากปีที่ผ่านมา เกิดจากการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและต่างประเทศ มีการเข้าซื้อกิจการในยุโรป และขยายธุรกิจรีเทลสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมการพัฒนาสาขาปัจจุบัน เปิดสาขาใหม่ และการแนะนำแบรนด์ใหม่ๆ มากมาย โดยมีโครงการเด่นๆ มากมายหลายโครงการ อาทิ การเปิดศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่งของ CPN คือ เซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี, เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ พร้อมขยายกลุ่มธุรกิจค้าปลีกด้วยการเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาใหม่ 2 สาขา, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาใหม่ 5 สาขา, ไทวัสดุ 12 สาขา, ออฟฟิศเมท 8 สาขา และร้านแฟมิลี่มาร์ท 266 สาขา
เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ซูเปอร์คุ้ม” และ “ซูเปอร์คุ้ม ขายส่ง” เป็นซูเปอร์มาร์เกตที่จะนำเสนอสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ในราคาสุดคุ้มทุกวัน และเปิดตัว “บ้าน แอนด์ บียอนด์” ดีพาร์ตเมนต์สโตร์สำหรับบ้านแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อขยายไลน์ธุรกิจสินค้าตกแต่งบ้าน และตอบรับการขยายตัวของกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้มีการเปิดสาขาแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ และตามด้วยจังหวัดขอนแก่น
โครงการไลฟ์สไตล์ต่างๆ อาทิ การรีแบรนด์ศูนย์การค้าจิวเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ ครั้งยิ่งใหญ่ ภายใต้ชื่อใหม่ “เจ ที ซี” พร้อมเปิดตัว “บางกอก แฟชั่น เอาท์เล็ต” แฟชั่นเอาท์เล็ตแห่งแรกและแห่งเดียวใจกลางกรุง รวมถึงการเปิดตัวโครงการ “กรูฟว์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์” ซึ่งเป็นแหล่งแฮงเอาท์ระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
สยายปีกออกต่างประเทศ
สำหรับต่างประเทศ เป็นปีแห่งการขยายตัว โดยกลุ่มรีเทลได้เข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า อิลลุม (ILLUM) กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างที่มีชื่อเสียงในกลุ่มชาวสแกนดิเนเวีย และมีประวัติความเป็นมา ที่ยาวนานกว่า 120 ปี ขยายธุรกิจรีเทลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเปิดแบรนด์ “ซูเปอร์สปอร์ต” ด้วยรูปแบบมัลติแบรนด์ สปอร์ต สโตร์ ในเวียดนาม พร้อมจับธุรกิจ “ผู้แทนจำหน่าย” ได้สิทธิ์การนำเข้าแต่เพียงผู้เดียวของแบรนด์ คร็อกส์, นิวบาลานซ์, ฟิล่า, อัมโบร และแบรนด์ชั้นนำจากประเทศไทย คือ เอฟบีที และ ดีแอนด์พี
ในส่วนของกลุ่มเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป หรือ CMG ได้มีการนำแบรนด์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเมืองไทยมากมาย อาทิ แบรนด์เครื่องสำอาง Three, Illamasqua และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ อาทิ Burton Menswear, Carhartt, Denim & Supply และแบรนด์กระเป๋า Eastpak จากประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกันนี้ ได้ร่วมมือกับ Generasi Cerdas เปิดร้าน Man U แห่งแรกที่ โซโก้มอลล์ (Sogo Mall) ประเทศมาเลเซีย และเปิดร้าน MANGO แห่งแรกที่ ชิงเต่า มาริน่า ซิตี้ เมืองชิงเต่า ประเทศจีน
สำหรับกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ในปี 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการขยายธุรกิจการรับบริหารโรงแรมถึง 10 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมแห่งแรกในประเทศกาตาร์ และประเทศเอธิโอเปีย รวมถึงได้มีการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ในเครือถึง 8 แห่ง โดยแบ่งเป็น กรุงเทพฯ 2 แห่ง พัทยา 2 แห่ง พังงา 1 แห่ง ศรีลังกา 1 แห่ง มอริเชียส 1 แห่ง และมัลดีฟส์ 1 แห่ง ซึ่งถือเป็นโรงแรมมัลดีฟส์แห่งที่ 2 ที่ทางเซ็นทาราได้เปิดให้บริการ
กลุ่มเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือ CRG ได้มีการลงทุนเพิ่มสาขาใหม่ทั่วประเทศกว่า 100 สาขา พร้อมปรับปรุงสาขาเก่า และได้นำแบรนด์ “เทนยะ” (Tenya) แบรนด์อันดับหนึ่งด้านข้าวหน้าเทมปุระ (เทนด้ง) และเทมปุระชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ประเทศไทย โดยในปีแรกได้เปิดร้าน จำนวน 2 สาขา ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลบางนา และเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
“ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดที่ผ่านมา จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากปราศจากผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ทีมงานที่เข้มแข็ง และความตั้งใจของพนักงานทุกๆ ท่าน ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านมา ณ ที่นี้” นายสุทธิธรรม กล่าวทิ้งท้าย
ก้าวต่อไปของกลุ่มเซ็นทรัล
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า จะมีการปรับเปลี่ยนองค์กรครั้งยิ่งใหญ่ภายใต้แนวคิด “The Next Chapter of Central Group” โดยเน้นรายละเอียดการปรับโครงสร้างองค์กรและทีมผู้บริหารใหม่ พร้อมกลยุทธ์เพื่อการขึ้นสู่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและบริการระดับโลก เพื่อเติบโตถึงเป้าหมาย 267,000 ล้านบาทในปี 2557 โดยที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้มีการปรับองค์กรใหญ่มาแล้ว 4 ครั้ง และในครั้งนี้ เป็นการปรับองค์กรครั้งใหม่ให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่มุ่งไปข้างหน้า และเสริมศักยภาพของกลุ่มเซ็นทรัลผ่านซินเนอร์จีระหว่างองค์กรต่างๆ ภายในกลุ่มฯ รวมถึงทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร และเป็นโครงสร้างที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างยั่งยืน ด้วยการเปลี่ยนแปลงหลักๆ 3 ส่วน ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร และการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารระดับสูง
ในการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกลุ่มเซ็นทรัลชุดใหม่ ได้รับการแต่งตั้งเมื่อปลายปี 2556 เพื่อกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจทั้งหมด นำโดยการบริหารของ คุณสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ พร้อมด้วย คุณสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ และ คุณสุทธิชาติ จิราธิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้ง คุณสุทธิพร จิราธิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ อีกด้วย
สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กร หลังจากที่มีการพิจารณาแผนการเติบโตอย่างยั่งยืน ทางกลุ่มเซ็นทรัลเห็นควรที่จะมีการปรับองค์กรเพื่อก้าวสู่การเป็นกลุ่มค้าปลีกและบริการระดับโลก จึงแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเดิม ภายใต้บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) จะถูกแยกออกเป็น 8 กลุ่มธุรกิจใหม่คือ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า Department Store Group (DSG) กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค Fast Moving Consumer Group (FMCG)กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า Hardlines Group (HDLG) กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์ OfficeMate Group (OFMG) กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์ Central Pattana Group (CPN) กลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า Central Marketing Group (CMG) กลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท Centara Hotels and Resorts Group (CHR) และกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร Central Restaurants Group (CRG) โดยทั้ง 8 กลุ่มธุรกิจจะได้รับการกำกับดูแล โดยคณะกรรมการบริหาร (Executive Committee หรือ ExCom) ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำแก่ผู้บริหารของบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล
ส่วนการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด ทางบริษัทได้แต่งตั้งคณะผู้บริหารใหม่ที่มากประสบการณ์ เพื่อรับผิดชอบดูแลแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้ คุณยุวดี จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า คุณปรีชา เอกคุณากูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์ คุณปาสคาล บิลโลว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค คุณสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า คุณธีรยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท คุณธีรเดช จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร และคุณวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลกลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์
สร้างความเป็นหนึ่งเดียว
ด้วยยุทธศาสตร์การแบ่งหน่วยธุรกิจออกเป็น 8 กลุ่ม โดยใช้กลยุทธ์หลักของการเสริมประสิทธิภาพให้แก่กลุ่มเซ็นทรัล คือ การเน้นคุณภาพที่เป็นเลิศ และการสร้างซินเนอร์จีร่วมกันในองค์กรของกลุ่มเซ็นทรัล ผ่านการแบ่งปันองค์ความรู้ข้ามองค์กร และมีการแต่งตั้งหน่วยงานสนับสนุน และ กลุ่มการเงิน เพื่อเสริมการทำงานของทุกกลุ่มธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนกลุ่มเซ็นทรัลให้บรรลุเป้าหมายในการขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำด้านค้าปลีกและบริการระดับโลกตามวิสัยทัศน์ที่ได้ตั้งไว้ ทางกลุ่มฯ จึงกำหนดกลยุทธ์ และทิศทางของธุรกิจที่ชัดเจน ประกอบด้วย Branding, People, Synergy และ One Group
Branding สิ่งสำคัญ คือ การโฟกัสที่ธุรกิจหลัก และแบรนด์หลัก ต่อยอดจากความสำเร็จในอดีต มุ่งสร้างแบรนด์ให้เป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภคและลูกค้าในเซกเมนท์นั้นๆ และสร้างจุดต่างผ่านประสบการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับแบรนด์ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ผ่าน “คุณภาพ” ที่เป็นเลิศในทุกแง่มุม ทั้งสินค้าและการบริการ เป็นการเน้นการเติบโตที่มั่นคงผ่านคุณภาพระดับโลก
People ทีมงานเป็นส่วนสำคัญในการสร้างธุรกิจ ไม่ว่าจะวางแผนงานอย่างไร ก็ไม่สามารถประสพผลสำเร็จได้หากไม่มีทีมงานที่ดี ดังนั้น อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือ การสร้างระบบเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) เมื่อธุรกิจมีการขยายตัว ทางบริษัทก็ต้องการผู้บริหารที่มีความมุ่งมั่น มีวิสัยทัศน์ เพื่อมาบริหารงานต่อยอด พร้อมทีมงานที่มีประสิทธิภาพ มีความตั้งใจ พร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายให้กลายเป็นภาคปฏิบัติได้ เมื่อบริษัทสามารถทำให้ผู้บริหารและพนักงานมีความรัก และทุ่มเทให้กับองค์กร บริษัทจึงจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
Synergy ทั้งกลุ่มธุรกิจภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลมีความเชื่อมโยงและเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน นับแต่นี้ไปการทำงานของกลุ่มจะสอดประสานกันยิ่งขึ้น เป็นการมุ่งเน้นการผสานประโยชน์ร่วมกัน (Synergy) และเน้นการพัฒนาระบบที่มั่นคงร่วมกันเพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
One Group ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันทุกองค์กรในกลุ่มเซ็นทรัล โดยมีการแบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาศักยภาพของทุกๆ ธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โครงการปี’ 57
นายทศ กล่าวต่อว่า สำหรับปี 2557 กลุ่มเซ็นทรัลมีโครงการต่างๆ อาทิ การขยายธุรกิจในประเทศไทยสำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มค้าปลีก มีแผนการเปิดโครงการใหม่ และเปิดสาขาใหม่จำนวนมาก อาทิ การเปิดศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลใหม่ 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย จ.สุราษฎร์ธานี และเซ็นทรัล พลาซา ศาลายา จ.นครปฐม ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาใหม่ 4 สาขา คือ สาขาปราจีนบุรี สาขาร้อยเอ็ด สาขาสมุทรปราการ สาขาฉะเชิงเทรา และในปีนี้ จะมีโครงการที่นับเป็นสุดยอดแห่งรีเทลแลนด์มาร์คเกิดขึ้น คือการเปิดตัวศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งเป็นโครงการมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ที่จะมาพลิกโฉมประสบการณ์แห่งการช็อปปิ้ง โดยแนะนำนิยามของ New Luxury รูปแบบใหม่ให้ทุกคนได้รู้จักและเข้าใจ ผ่านการบริการในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประเทศไทย
ในกลุ่ม FMCG มีแผนการเปิดร้านแฟมิลี่มาร์ท แห่งใหม่ จำนวน 308 สาขา โดยจะมีการเปิดตัวร้านแฟมิลี่มาร์ทรูปแบบใหม่ล่าสุดอีกด้วยสำหรับกลุ่มฮาร์ดไลน์ มีแผนการเปิดไทวัสดุ 6 สาขา และพร้อมขยายธุรกิจ “บ้าน แอนด์ บียอนด์” (baan & BEYOND) เพิ่มในอีกหลายจังหวัด
สำหรับกลุ่มธุรกิจบริหารและจัดการสินค้านำเข้า-เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ในปีนี้ CMG มีแผนการขยายสาขาทั้งสิ้น 72 ร้าน และ 207 เคาน์เตอร์ รวมถึงจะมีการเปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ในกลุ่มแฟชั่น และลักชัวรี่แบรนด์ อาทิ John Varvatos, McQ by Alexander McQueen, Kurt Geiger, Maison Martin Margiela, Jil Sander และ American Rag โดยส่วนหนึ่งจะมีการเปิดตัวแฟล็กชิพสโตร์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ล่าสุดที่โครงการเซ็นทรัลเอ็มบาสซี สำหรับกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ท มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนการลงนามบริหารโรงแรมจำนวน 10 แห่งทั่วโลก ในปี 2557 และกลุ่มร้านอาหาร เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป มีแผนการขยายสาขาของร้านอาหารต่างๆ จำนวน 109 สาขา
บุกตลาด AEC
การขยายธุรกิจในต่างประเทศปี 2557 เป็นปีแห่งการขยายตัวออกสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีแผนการขยายตัวไปในหลายประเทศ เริ่มการก่อสร้างโครงการ “เซ็นทรัลพลาซา ไอซิตี้” ศูนย์การค้าแห่งแรกของ CPN ในมาเลเซีย ในเมืองซาห์อลัม รัฐสลังงอร์ และมีโครงการขยายแบรนด์ต่างๆ ภายใต้การบริหารของกลุ่ม CMG เปิดให้บริการ “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แกรนด์อินโดนีเซีย” ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะมีการนำสินค้าจากคู่ค้าในประเทศไทยออกไปเปิดตลาดประเทศอินโดนีเซียร่วมกัน
เปิดตัว “ห้างสรรพสินค้าโรบินส์” ในประเทศเวียดนาม จำนวน 2 สาขา ที่กรุงฮานอย และกรุงโฮจิมินห์ เพื่อเป็นห้างสรรพสินค้าแบรนด์ใหม่ที่เน้นกลุ่มคนเวียดนามรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย รักแฟชั่น และนำแบรนด์ไทยออกขยายสู่ตลาดเวียดนามร่วมกัน อาทิ Mc Jeans และขยายกิจการสปอร์ตรีเทลในประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง มีแผนการเปิดร้าน ซูเปอร์สปอร์ต จำนวน 4 สาขา ร้านคร็อกส์ 6 สาขา และร้านนิวบาลานซ์ 2 สาขา พร้อมขยายด้านผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเปิดตัวแบรนด์ Mark & Spencer, F&F, Sanrio ในประเทศเวียดนาม และขยายธุรกิจของ CMG สู่ตลาดอื่นๆ อาทิ เปิดตัว Wrangler, Man United, Lee, Payless Shoesource, Hush Puppies และเครื่องสำอาง Illamasque ในประเทศเวียดนาม
“อย่างไรก็ตามที่ กล่าวมาทั้งหมด กลุ่มเซ็นทรัลได้ตั้งเป้าที่จะเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 14 โดยประมาณการยอดขายของกลุ่มอยู่ที่ 267,000 ล้านบาท พร้อมแผนการลงทุนในโครงการต่างๆ ของธุรกิจในเครือไม่ต่ำกว่า 44,000 ล้านบาท ทั้งในและต่างประเทศ โดยกลุ่มเซ็นทรัลได้มีเป้าหมายระยะยาวในการมุ่งพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ โดยขอเป็นผู้ริเริ่มสร้างความเจริญให้กับทุกท้องถิ่น ทุกจังหวัด ที่ขยายไป พร้อมนำเศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน” นายทศ กล่าวท้ายสุด
ทีมข่าวเศรษฐกิจ/รายงาน
วันที่ 24/02/2557 เวลา 11:14 น.