ม.รามปลื้มสำรวจบัณฑิตติดโผนายจ้างพอใจ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงปลื้ม ผู้ประกอบการ/นายจ้างพึงพอใจบัณฑิตรามคำแหง ใช้คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพทำงานในองค์กรอย่างมีศักยภาพและเป็นที่ยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง เผยเป็นผลมาจากนักศึกษารามฯ ทุกคนต้องเรียนวิชา “ความรู้คู่คุณธรรม”ก่อนจบไปรับใช้สังคม ซึ่งในปีนี้ยังมีคะแนนจากการสำรวจเฉลี่ยสูงขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ด้วย
ตามที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในการสำรวจความพึงพอใจผู้ใช้บัณฑิตต่อบัณฑิต และสำรวจความพึงพอใจของนิสิตนักศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ในมิติที่ 2 มิติด้านคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากนายจ้าง/ผู้ประกอบการ/ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับบัณฑิต และนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2556 นั้น
ผลการสำรวจของ ม.รามคำแหง ประเด็นภาพรวมความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิตตัวอย่างต่อบัณฑิต โดยผู้ใช้บัณฑิตจาก ม.รามคำแหง มีความพึงพอใจในประเด็นคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพสูงที่สุด คือ 4.5863 คะแนนหรือร้อยละ 91.73 รองลงมาได้แก่ ความพึงพอใจในความรู้ความสามารถพื้นฐาน และความรู้ความสามารถทางวิชาการ ตามลำดับ โดยคะแนนเฉลี่ยที่ได้จากการสำรวจอยู่ที่ 4.3635 คะแนน หรือร้อยละ 87.27 เทียบกับคะแนนตามเกณฑ์การประเมินของ ก.พ.ร.แล้วได้เท่ากับ 5.0 คะแนน ทั้งนี้เมื่อเทียบกับผลการสำรวจเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ถือว่ามีคะแนนรวมเฉลี่ยสูงขึ้นด้วย
ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดี ม.รามคำแหง กล่าวว่า ผลสำรวจในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพของบัณฑิตรามคำแหงถือว่าได้คะแนนระดับดีมากต่อเนื่องกันมาทุกปี เป็นผลมาจากการที่ ม.รามคำแหงกำหนดให้นักศึกษาทุกระดับชั้นต้องผ่านการเรียนวิชาความรู้คู่คุณธรรม ก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาทุกคน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ รศ.รังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดี ที่ได้ริเริ่มในเรื่องนี้และได้มีการสานงานต่อกันมาโดยตลอด จนทำให้บัณฑิตรามคำแหงมีความเข้มแข็งในด้านคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ
“ต่อจากนี้ไปรามฯ จะเน้นให้บัณฑิตมีความพร้อมที่จะแข่งขันทุกโอกาส ทุกสถานการณ์ นอกเหนือไปจากเรื่องมีคุณธรรม โดยจะเพิ่มกิจกรรมทางวิชาการที่เน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ ส่งเสริมการจัดกิจกรรมนักศึกษาในเชิงสร้างสรรค์ เปิดวิชาใหม่ คือ วิชาจิตสาธารณะเน้นการทำกิจกรรมพัฒนาและแก้ปัญหาสังคมเป็นหลัก รวมถึง การเตรียมความพร้อมด้านภาษา ด้วยการเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษ และภาษาเพื่อนบ้านในอาเซียนด้วย”
วันที่ 13/02/2557 เวลา 7:26 น.