มาเลเซีย (5-11 ก.พ. 57)
มาเลเซียยกระดับความร่วมมือทางทะเลกับสหรัฐ
พลเรือเอกอับดุล อาซิส จาฟาร์ (Tan Sri Abdul Aziz Jaafar) ของมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า ความสัมพันธ์ทางทะเลระหว่างมาเลเซียและสหรัฐจะเข้มแข็งขึ้นยิ่งกว่าเดิม อันเห็นได้จากความร่วมมือนานัปการระหว่างกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ล่าสุด พลเรือเอกโจนาธาน กรีนเนิร์ท (Jonathan W. Greenert) ตัวแทนกองทัพเรือสหรัฐ ได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อเข้าหารือกับนายจาฟาร์ และนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ตามลำดับ
ทั้งนี้ หลังการหารือระหว่างนายจาฟาร์และนายกรีนเนิร์ท ทั้งคู่ไปเปิดเผยว่า มาเลเซียและสหรัฐได้พูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือทางทะเลระหว่างกันในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะกับมาเลเซียเอง ในการรักษาความมั่นคงทางทะเล ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ที่ยังไม่สงบลง
แหล่งที่มา: themalaymailonline.com
นักเคลื่อนไหวเรียกร้องมาเลเซียขอโทษกรณีไฟป่าในริอาว
นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมจากอินโดนีเซีย ร่วมกันประท้วงหน้าสถานกงสุลมาเลเซีย ณ เมืองเปอกันบารู เรียกร้องให้ทางการมาเลเซียออกมาแสดงความรับผิดชอบและขอโทษต่อเหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในจังหวัดริอาว (Riau) บนเกาะสุมาตราตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หลังจาก ล่าสุด ได้เกิดเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน จนสร้างความเสียหายให้กับประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซียอย่างมาก
ไฟป่าดังกล่าวลุกลามกินพื้นที่กว่า 5 ตารางกิโลเมตร และสร้างหมอกพิษปกคลุมพื้นที่โดยรอบ รวมไปถึงในสุมาตราตอนเหนือ ช่องแคบมะละกา และสิงคโปร์ โดยสาเหตุเกิดจากการที่บริษัท PT Adei Plantation and Industry บริษัทลูกของ Kuala Lumpur Kepong บรรษัทข้ามชาติด้านการเกษตรของมาเลเซีย เข้าไปผลักดันให้ชาวบ้านในพื้นที่เผาทุ่งหญ้าเพื่อเตรียมที่ทางสำหรับการปลูกปาล์มน้ำมัน จนทำให้เกิดไฟลุกลามไปไกลกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักเคลื่อนไหวโจมตีว่า ผลจากไฟป่าสร้างความสูญเสียเชิงสิ่งแวดล้อมกว่า 1.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 42.2 ล้านบาท) ทั้งยังชี้ว่า อินโดนีเซียไม่จำเป็นต้องขอโทษมาเลเซียต่อกรณีควันพิษที่ปกคลุมมาเลเซียตอนล่าง เนื่องจากต้นเหตุของวิกฤตครั้งนี้คือบริษัทจากมาเลเซียเอง
อนึ่ง กงสุลมาเลเซียประจำเปอกันบารู (Pekanbaru) ได้ออกมาให้ความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดของบริษัทเอกชน รัฐบาลมาเลเซียจะไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่บริษัทดังกล่าว กระนั้นก็ย้ำว่า รัฐบาลก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องขอโทษเช่นกัน.
แหล่งที่มา: theaustralian.com.au และ thejakartapost.com