หุ้นไทยเสียเปรียบอาเซียน

การเมืองพ่นพิษเศรษฐกิโตช้านักลงทุนย้ายฐาน

 

คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า ฟันธงหากปัญหาการเมืองไม่จบในครึ่งปีนี้เศรษฐกิจจะโตเพียง 2.5% ขณะที่ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ห่วงตลาดหุ้นยังมีทิศทางไม่แน่นอนเพราะการเลือกตั้งไม่ใช่จุดจบของปัญหาการเมืองไทย หวั่นตลาดหุ้นไทยเสียเปรียบตลาดหุ้นอาเซียน ด้านผู้จัดการกองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล มองหุ้นไทยยังผันผวนต่อโอกาสปรับขึ้นลำบาก

นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยในงานเสวนา “นิด้า ผ่าทางตัน วิกฤติประเทศไทยหลังเลือกตั้ง” ว่าปัญหาการเมืองที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ โดยปีนี้ยังไม่มีนโยบายของรัฐบาลที่ชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจคาดว่าจะโต 4% หากปัญหาการเมืองไม่จบลงใน 2 ไตรมาสนี้ เศรษฐกิจจะโตเพียง 2.5% และหากภายในปีนี้ปัญหาการเมืองยังไม่จบเศรษฐกิจจะโต 2% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางนิด้าและกลุ่มที่จัดเสวนาครั้งนี้จะร่วมหาทางออกให้บ้านเมือง เมื่อข้อเสนอของ กปปส.ที่จะให้มีการจัดตั้งรัฐบาลประชาชนไม่ประสบผลสำเร็จประเทศไทยน่าจะมีคนกลาง เช่น วุฒิสภา โดยหวังให้ทุกฝ่ายหันหน้าและร่วมกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข หากปัญหาไม่ยุติเศรษฐกิจประเทศก็จะชะลอตัวกระทบต่อการจ้างงาน เพราะจะไม่มีการลงทุนใหม่ เช่น โครงการลงทุนก่อสร้างของรัฐบาล หากปัญหาการเมืองยืดเยื้อจะทำให้ประเทศได้รับผลกระทบมากและรุนแรง

นายอดิศร์ กล่าวว่า เท่าที่นิด้าประเมินเศรษฐกิจไทย แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง แต่ภาคการส่งออกยังเป็นตัวจักรสำคัญที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ จึงสามารถช่วยค้ำเศรษฐกิจของประเทศไม่ให้ตกต่ำกว่านี้ แต่ต้องติดตามเศรษฐกิจโลก เพราะหากเศรษฐกิจโลกทรุดการส่งออกของไทยก็จะประสบปัญหา ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาการเมืองให้สงบสุขโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าไตรมาส 1 และ 2 เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง ส่วนนักท่องเที่ยวปีนี้ตั้งเป้าหมายเข้ามาประเทศไทย 28 ล้านคน แต่จากปัญหาการเมืองน่าจะลดลง 500,000 คน ถือว่าไม่กระทบภาคการท่องเที่ยวมากนัก

สำหรับสิ่งที่กลัวคือ ปัญหาการเมืองไม่ค่อยมีเสถียรภาพ ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 1-2 ปี หากเป็นเช่นนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน เพราะส่วนใหญ่มองไทยไม่ปลอดภัยด้านการเมือง ทำให้ไม่อยากเข้ามาลงทุน ประกอบกับความได้เปรียบการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียนหลายประเทศจะจูงใจให้นักลงทุนย้ายฐานการลงทุน จึงอยากฝากให้นักการเมืองหันหน้าเจรจาเพื่อหาทางออกของประเทศ

ด้าน นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้งว่า ยังมีทิศทางความไม่แน่นอน เนื่องจากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ใช่จุดจบของปัญหา สะท้อนได้จากมุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจีดีพีปีนี้น่าจะเติบโตต่ำกว่า 3% ดังนั้น หากเกิดความไม่สงบต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไทยจะเสียเปรียบตลาดหุ้นอีก 5 ชาติของอาเซียน เพราะมีความน่าสนใจน้อยที่สุด เนื่องจากมีปัจจัยการเมืองกดดัน

ขณะนี้ผลกระทบทางการเมืองเริ่มลุกลามกระทบต่อภาคธุรกิจมากขึ้น ส่งผลให้การคาดการณ์ผลกำไรบริษัทจดทะเบียน รวมถึงแนวโน้มดัชนีสูงสุดในปีนี้ทำได้ยาก คงต้องรอให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงก่อนจึงจะสามารถประเมินได้ เพราะไม่รู้ว่าภาวะสุญญากาศทางการเมืองจะกินเวลานานแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นบางกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และได้รับผลดีจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและการส่งออก

นายจุมพล สายมาลา คณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้งมีการฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น เนื่องจากไม่มีเหตุรุนแรงจนเกินไป แต่แนวโน้มปีนี้ยังมีความผันผวน เพราะปัจจัยการเมืองยืดเยื้อไม่น่าจะจบเร็วกระทบต่อการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้ราคาหุ้นไทยจะไม่แพงแต่โอกาสฟื้นตัวเป็นไปได้ยาก ต้องรอจนกว่าปัญหาการเมืองจะชัดเจน ซึ่งหากการเมืองคลี่คลาย สงบ บรรยากาศการลงทุนจะกลับมาสดใสอีกครั้ง เพราะความต้องการลงทุนที่ค้างอยู่ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีปีนี้ค่อนข้างกว้างระหว่าง 1,200-1,500 จุด ตลาดอ่อนไหวตามกระแสการเมืองเป็นหลัก โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าเติบโตร้อยละ 10-15

 

 

 

 

 

วันที่ 4/02/2557 เวลา 11:22 น.

uasean

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ banmuang.co.th ดูทั้งหมด

183

views
Credit : banmuang.co.th


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน