รายงานพิเศษ – เหตุโจมตีชาวมุสลิมเขตโอ๊กกั่นใกล้ย่างกุ้ง

 เขตโอ๊กกั่น – กลุ่มม็อบชาวพุทธมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านวายนดอว์พร้อมด้วยดาบเป็นอาวุธ ทิ่มแทงชาวมุสลิมไม่ว่าหน้าไหนที่ไม่สามารถหนีทันได้

 

โมจ่อ วัย 59 ปีพร้อมกับสมาชิกในครอบครัวของเขา 5 คนติดอยู่ท่ามกลางม็อบในช่วงบ่ายของวันอังคารที่ผ่านมาในหมู่บ้านวายนดอว์ ที่ชาวพุทธเริ่มโจมตีชุมชนชาวมุสลิม กลุ่มชาวพุทธเข้าไปในบ้านของเขาจากสองด้าน ไล่ต้อนให้คนในบ้านออกไปที่ถนนและไล่ฟันพวกเขาก่อนที่จะลงมือเผาบ้าน

 

“ในขณะที่พวกเรากำลังวิ่งหนีอยู่นั้น พวกเขาใช้มีดและพร้าทำร้ายเรา ทุกคนในครอบครัวของผมได้รับบาดเจ็บ” เขากล่าว “น้องสาวคนเล็กของภรรยาผมและลูกสาวทั้งสองคนของผมหายไป เราไม่รู้ว่าพวกเขาไปอยู่ที่ไหน”

 

หัวหน้าครอบครัวอย่างโมจ่อกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเขาต้องเล่าย้อนไปในเหตุการณ์ขณะที่ม็อบพยายามฟันศีรษะของเขาด้วยมีดดาบ แต่เขายกมือขึ้นบังไว้ป้องกันตัวจึงถูกฟันเข้าที่มือแทน

 

“เรารู้ชื่อคนที่ทำร้ายเราทุกคน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีปัญหากับเพื่อนบ้าน เราเคารพคนพุทธแม้ิว่าเราจะเป็นชาวมุสลิมก็ตาม”

 

การสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์ในเขตโอ๊กกั่น ที่ตั้งอยู่ใกล้หักับย่างกุ้งไปเพียง 100 กิโลเมตร มีการสอบพยานผู้เห็นเหตุการณ์มากกว่า 30 คน ได้ความว่า กลุ่มชาวพุทธดังกล่าวมีการจัดตั้งมาเป็นอย่างเป็นระบบระเบียบ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ที่เดินทางจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งโดยการเดินเท้าและใช้รถบรรทุกเป็นยานพาหนะ

 

การโจมตีชาวมุสลิมใกล้กับเมืองหลวงเก่าในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีชาวมุสลิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชาวมุสลิมในพม่าเป็นประชาชนส่วนน้อยมีจำนวน 4 เปอร์เซ็นต์ของประชากรในประเทศ โดยเหตุการณ์รุณแรงต่อชาวมุสลิมเริ่มต้นขึ้นในรัฐอาระกันในช่วงกลางปี 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งการปะทะกันระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในรัฐอาระกันส่งผลให้มีผู้พลัดถิ่นที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แสนคน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ในขณะที่เหตุรุนแรงต่อชาวมุสลิมในเมืองเมกทีลา ตอนกลางของพม่า ส่งผลให่มีผู้เสียชีวิตจำนวน 43 คน และไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 12,000 คน

 

การโจมตีต่อต้านชาวมุสลิมอย่างต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อแผนการปฏิรูปประเทศของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ซึ่งได้รับคำชมเชยจากนานาชาตินับตั้งแต่รัฐบาลเผด็จการทหารชุดก่อนส่งต่ออำนาจในการบริหารประเทศให้กับรัฐบาลพลเรือนของเขาในปี 2011

 

การโจมตีชาวมุสลิมครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเขตโอ๊กกั่นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังมีการทะเลาะวิวาทกันระหว่างสามเณรรูปหนึ่งกับสตรีคนหนึ่ง ซึ่งได้สร้างความโกรธแค้นให้กับคนในชุมชน และนับว่าเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงในชุมชนที่เกิดขึ้นใกล้กับย่างกุ้งมากที่สุด นับตั้งแต่เหตุรุนแรงได้เริ่มขึ้นในภาคกลางของประเทศเมื่อเดือนทีนาคมที่ผ่านมา

 

อชิน โพน ญา สามเณรที่มีาส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในโอ๊กกั่นกล่าวถึงที่มาที่ไปสาเหตุที่การทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ น้อยๆ บานปลายเป็นเรื่องใหญ่

 

“สามเณรออกจากวัดเพื่อไปบิณฑบาต หญิง(ชาวมุสลิม)คนหนึ่งเดินสวนมาโดยไม่ได้หลีกทางให้ เธอเดินชนบาตรจนบาตรตกลงบนพื้น และเผลอเหยียบฝาบาตรจนแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ พอคนแถวนั้นเห็นเข้าจึงบอกให้เธอขอโทษสามเณร”

 

หญิงสาวชาวมุสลิมและสามเณรถูกควบคุมตัวโดยตำรวจและได้รับการปล่อยตัวจากนั้นสองชั่วโมงหลังจากหญิงมุสลิมขอโทษ

 

แต่หลังจากที่ทั้งสองออกมาจากสถานีตำรวจ ก็มีหญิงมุสลิมอีกคนหนึ่งมาจับตัวสามเณรและเขย่า โดยกล่าวหาว่าสามเณรโกหกเจ้าหน้าที่ ทำให้หญิงมุสลิมทั้งสองคนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวทันที กลุ่มคนเริ่มมารวมตัวกันนอกสถานีตำรวจ และเริ่มโกรธแค้นในขณะที่เจ้าหน้าที่จะหายไปนานและบอกกับพวกเขาว่ามีการสอบสวน

 

หญิงชาวมุสลิมทั้งสองยังคงถูกขัง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิเสธไม่อนุญาตให้นักข่าวสัมภาษณ์หญิงทั้งสอง

 

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันอังคาร กลุ่มวัยรุ่นชายชาวพุทธได้ไปรวมตัวกันที่โอ๊กกั่นและเริ่มโจมตีทำลายข้าวของของขาวมุสลิม พวกเขาจุดไฟเผาอาคารหลายแห่ง ยกเว้นอาคารที่ใกล้กับบ้านของชาวพุทธ มัสยิดแห่งหนึ่งถูกโจมตี คัมภีร์โกหร่านถูกโยนทิ้งลงในบ่อน้ำนอกลาน

 

“ผมนับถือชาวพุทธ และแม้แต่ลูกชายของผมก็ยังบวชเป็นพระ” ติ่นหม่องตาน เจ้าของร้านเสื้อผ้าที่ถูกกลุ่มม็อบโจมตี กล่าว “ผมทำดีที่สุดในชีวิตเพื่อให้อยู่ร่วมกับชุมชนที่นี่ แต่พวกเขากลับใช้โอกาสนี้ทำลายครอบครัวของผม”

 

“ผมไม่คิดว่า มันเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่เกี่ยวข้องกับศาสนา มันก็แค่ความรุนแรงเหตุการณ์หนึ่งเท่านั้นเอง ชาวมุสลิมที่นี่ไม่ได้รับการปกป้องมากพอ พวกเราที่นี่ต่างก็อ่อนแอมาก”

 

เหตุการณ์ความรุนแรงยังคงต่อเนื่องไปจนช่วงกลางคืนของวันพุธ โดยมีหมู่บ้านของชาวมุสลิมอย่างน้อยหนึ่งแห่งถูกรือถอนโดยกลุ่มม็อบ ร้านรวงต่างๆ ปิดทำการในวันพุธขณะที่ตำรวจได้ปิดตลาดในวันพฤหัสเนื่องจากเกรงว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีก

 

ผู้เห็นเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งชาวพุทธและมุสลิมที่สำนักข่าวอิระวดีสัมภาษณ์กล่าวว่า เหตุรุนแรงเกิดขึ้นจากม็อบที่เดินทางมากับรถบรรทุก หมู่บ้านชาวมุสลิมบางแห่งนอกเขตโอ๊กกั่นก็ถูกโจมตีโดยชาวพุทธจากหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ยังนั่งร่วมโต๊ะกันในงานประเพณีกันอยู่

 

“เราไม่เคยมีปัญหากันเลยในอดีต เรายังได้เฉลิมฉลองพิธีทางศาสนาอิสลามด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้ ” เอโป ผู้ใหญ่บ้านโจจา หมู่บ้านชาวพุทธที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านยัดดะนากง ไป 500 เมตร ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้มีแรงงานชาวมุสลิมอพยพมาจากภาคภะโคอาศัยอยู่ “คนที่เผาหมู่บ้านยัดดะนากงไม่ได้มาจากหมู่บ้านของผม พวกเขานั่งรถบรรทุกมาจากที่อื่น” เขากล่าว

 

ชาวบ้านอีก 15 คนที่หลบแดดอยู่ในเพิงเล็กๆ ติดกับซากเถ้าถ่านของหมู่บ้านยัดดะนากง ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน

 

“พวกเขานั่งรถบรรทุกมาเป็นกลุ่มใหญ่ เราไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหนเพราะเราต้องหนี พวกเขามากันประมาณ 50 คน” เต่งทุนกล่าว

 

ไวติ่น หญิงชราในหมู่บ้านยัดดะนากงกำลังเป็นห่วงถึงอนาคตข้างหน้าหลังจากที่พวกเขาต้องกลับไปที่ภาคพะโค เพราะที่นั่นเกิดเหตุกาณ์โจมตีชาวมุสลิมขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

“ฉันรู้สึกขอบคุณที่ยังมีร่มไม้ให้เราหลับนอนได้ แต่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หน้าฝนกำลังจะมาถึง เราไม่มีอะไรเหลือแล้ว ทุกอย่างถูกเผาทำลายในกองไฟ ยังไม่มีใครมาช่วยพวกเราเลย” หญิงชรา กล่าว

 

หลายกิโเมตรขึ้นไปทางทิศเหนือคือหมู่บ้านจวยโพนเลย หมู่บ้านของชาวมุสลิมที่ถูกทำลาย ในช่วงค่ำวันอังคารที่ผ่านมา ชาวชาวพุทธจาห 3 หมู่บ้านใกล้เคียงได้เดินทางเข้ามาโจมตีหมู่บ้าน หลังประกอบพิธีละหมาดในช่วงเย็นเสร็จสิ้นลงได้ไม่ ทุกคนต่างหนี และได้ค้างคืนด้วยความหวาดกลัวในพงหญ้าริมแม่น้ำโดยมองเห็นหมู่บ้านถูกเพลิงเผาผลาญอยู่ต่อหน้า

 

ชาวบ้านในจวยโพนเลกล่าวว่า พวกเขารู้จักขื่อคนที่มาโจมตีทุกคน และเมื่อบู้บัญชาการทหารของทย่างกุ้งเดินทางมายังพื้นที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พวกเขาได้มอบรายชื่อของผู้โจมตีให้แก่เจ้าหน้าที่

 

ชาวบ้านที่ไม่เปิดเผยชื่อคนหนึ่งกล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาโจมตีได้ร้องตะโกนและขว้างปาก้อนหินเข้าไปยังมัสยิด “พวกเราก็อยากที่จะตอบโต้แต่ว่ามีเด็กอยู่กับเราจำนวนมาก เราจึงต้องหนี”

 

“พวกเขาเผาบ้านทุกหลัง รวมถึงมัสยิดและโรงเรียนด้วย คนที่โจมตีเพื่อนบ้านของฉันเคยมาหาและกินข้าวด้วยกันที่บ้านของฉัน”

 

มาร์พยา วัย 70 ปี มองดูการทำลายล้างที่เกิดขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ฉันแทบจะหายใจไม่ออก ตอนที่ฉันเห็นบ้านตัวเองถูกเผาวอด” เธอกล่าว

 

ต่างจากหมู่บ้านยัดดะนากง ชาวบ้านหมู่บ้านจวยโพนเลได้รับการคุ้มกันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ซานมิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มารักษาความปลอดภัยที่นี่เชื่อว่า กลุ่มที่มาโจมตีเป็นผู้ที่ฉวยโอกาสโดยใช้กลุ่มเคลื่อนไหวชาวพุทธบังหน้า ซึ่งกลุ่มชาวพุทธดังกล่าวได้เริ่มเคลื่อนไหวในรัฐมอญ สนับสนุนการแบ่งแยกเชื้อชาติ และต่อต้านชาวมุสลิม

 

“คนเหล่านั้นต้องการใช้โอกาสนี้ทำลายทรัพย์สินของชาวมุสลิม” เขากล่าว โดยระบุว่าภูมิประเทศของหมู่บ้านนี้เป็นอุปสรรคทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เพื่อหยุดเหตุจลาจลได้ทันเวลา “ตอนที่ตำรวจมาถึงก็ช้าเกินไปแล้ว เราคิดว่าความขัดแย้งมาไม่ถึงหมู่บ้านนี้ด้วยซ้ำ เพราะถนในพื้นที่มีสภาพแย่มากต้องอาศัยการเดินทางข้ามน้ำ”

 

ที่สถานีตำรวจโอ๊กกั่น เต็ด ลวิน หัวหน้าตำรวจในย่างกุ้งกล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้จำนวน 20 คนแล้ว ซึ่งรวมไปถึงหญิงชาวมุสลิม 2 คนที่ถูกควบคุมตัวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาด้วย

 

“ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่” เขากล่าวถึงผู้ต้องสงสัย “พวกเขาเกิดฟิวขาด พวกเขาดื่มเหล่าแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ นี่คืส่งที่เกิดขึ้น คนที่ถูกจับทุกคนมาจากโอ็กกั่นทั้งหมด มีคนพูดว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเลย”

 

ขณะที่พระอาวุโสฉ่วยญาวา กล่าวว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง “เราต้องร่วมมือกันหยุดยั่งความรุนแรงที่เกิดขึ้น มันไม่เพียงแค่ดีต่อชาวโอ๊กกั่นเท่านั้น แต่ยังดีต่อประเทศพม่าด้วย หากความขัดแย้งได้แพร่ขยายไปทั่วประเทศเพราะเรื่องศาสนา ก็อาจจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ถ้ายังคงมีเหตุรุณแรงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ประเทศพม่าจะต้องตกอยู่ในหนทางที่มืดมน”

 

“ประชาชนของเราไม่เข้าใจว่านี่คือเรื่องการเมืองที่ปลุกปั่นให้เกิดเหตุรุนแรง มีคนที่คอยจุดไฟ่แห่งความรุนแรง ถ้ายังคงมีไฟมากไปกว่านี้ มันก็ยากที่จะหยุดได้”

 

เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว กลุ่มสุดขั้วทางศาสนาได้เข้ามาในโอ๊กกั่น ในขณะที่พระสงฆ์ชาตินิยมได้มีการประกาศการเคลื่อนไหวกลุ่ม 969 โดยเริ่มมีการปราศัยเรียกร้องให้ขับชาวมุสลิมออกจากประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม เหตุรุนแรงได้กระทบต่อชาวพุทธที่มีสายสัมพันธ์กับชาวมุสลิมด้วยเช่นกัน

 

ยินยินซาน ลูกสะใภ้ของโมจ่อ ชายชาวมุสลิมที่ถูกโจมตีด้วยมีดดาบในเมืองวายอนดอว์ เธอเป็นชาวพุทธและเป็นสมาชิกแกนนำสาขาพรรคเอ็นแอลดี ของนางอองซานซูจี สามีของเธอนอนอยู่ข้างๆ บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาลโดยมีแผลเหวอะหวะที่ศีรษะและแขน เธอบอกกับผู้สื่อข่าวอิระวดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้หมู่บ้านของธอไม่มีชาวมุสลิมลงเหลืออยู่แล้ว

 

“ไม่มีชาวมุสลิมหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านเลย ฉันเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่ยืนมองในขณะที่ม็อบทำลายบ้านของฉัน” เธอบอก “ตำรวจกลัวกลุ่มคนที่เข้ามาโจมตี”

 

“ฉันแต่งงานกับสามีชาวมุสลิมเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ตอนนี้ฉันถูกโจมตีอยู่เป็นประจำเพราะไปแต่งงานกับชาวมุสลิม พวกเขาไม่ต้องการเห็นชาวมุสลิมเดินอยู่บนถนน”

 

“ห้าเดือนที่แล้ว พระสงฆ์บางส่วนได้กล่าวปราศัยเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 969 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็เกิดความตึงเครียด ชาวพุทธหลายคนบอกให้ฉันหย่ากับสามี”

 

วินโช หญิงที่ถูกโจมตีในหมู่บ้านวังคิดกล่าวว่า เหตุรุนแรงได้ส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งหมด “ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทำร้ายทุกคน ทั้งคนแก่ เด็ก ผู้หญิง สมควรแล้วหรือที่เด็กจะต้องมาถูกฆ่าเพราะเรื่องนี้”

 

“ตอนนี้ในชุมชนมีการขู่อยู่บ่อยครั้งว่าจะมีการฆ่าชาวมุสลิม เราต้องทุกข์ทรมาณมากกว่านี้อีกหรือ ฉันจะดีใจที่พวกเขาฆ่าชาวมุสลิมให้ตาย ดีกว่าทำร้ายเราจนพิการ ถ้าอยากฆ่าเราก็เชิญเลย” วินโช กล่าวด้วยความโกรธแค้นและสิ้นหวัง

 

ชินยินซานกล่าวว่า เธอถูกเลือกปฏิบัตินับตั้งแต่กลุ่มเคลื่อนไหว 969 เข้ามาในพื้นที่ “ฉันต้องการบอกความจริง ฉันรักความจริง ตอนนี้พวกเรากลายเป็นคนที่รู้สึกว่ายอมตายดีกว่าอยู่ ในฐานะที่ฉันเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้นำของพรรคเอ็นแอลดีในโอ๊กกั่น ขอประกาศต่อต้านการแบ่งแยกศาสนา”

 

“ก่อนหน้านี้ มีคนนับถือฉันมากมาย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว นับตั้งแต่กลุ่ม 969 ได้ออกมาพูด ตอนนี้ ฉันก็เหมือนเป็นคนนอกแล้ว”

 

ฉ่วยญาวาร์ซะยาดอว์ พระสงฆ์ในโอ๊กกั่นกล่าวว่า “มีคนที่เล่นการเมืองเป็นคนที่จุดไฟ เป็นผู้ฉวยโอกาส ในชุมชนนี้ ชาวพุทธและชาวมุสลิมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เราไม่ควรขับชาวมุสลิมออกจากชุมชน หากคนยังคงเผาทำลายมัสยิด วัฏจักรของความเกลียดชังก็จะไม่มีวันจบสิ้น”

 

แปลจาก Anti-Muslim Violence Tears Apart Communities Near Rangoon — Special Report โดย LAWI WENG & DANIEL PYE / THE IRRAWADDY2 พฤษภาคม 2556

 

เครดิตและบทความเรื่องอื่นๆของ salweennews.org ดูทั้งหมด

697

views
Credit : salweennews.org


สงวนลิขสิทธิ์ © 2556 uAsean.com มหานครอาเซียน